ไซโตะตามหานานะไปทุกที่จนถึงรุ่งเช้า แล้วเขาก็เห็นเธอยืนอยู่ริมทางเดินของเมืองอีกฟากในแสงแดดเงียบเหงา
ในที่สุดเขาก็หานานะเจอแล้ว
“นานะ” ไซโตะตรงเข้าไปหาเธอ จับมือเธอแน่น “นึกว่าจะไม่ได้เจออีกแล้ว
หายไปไหนมา”
“นานะ ?” แต่เสียงหวานที่ถามกลับมาทำให้เขาแปลกใจ
“นายเป็นคนที่อยู่กับพี่นานะวันนั้น นายเป็นอะไรกับพี่สาวฉัน ?”
ไซโตะคลายมือเล็กที่จับเอาไว้ นี่ไม่ใช่นานะ
เขามาเจอคนที่ไม่ควรเจอซะแล้ว
“พี่สาวฉันอยู่ไหน ทำไมพี่ไม่ยอมกลับบ้านเลย”
“ฉันไม่รู้จักนานะ” ไซโตะหันหลังและเดินจากมามิไป
“แต่ฉันเห็นนายอยู่กับพี่”
“เธอจำคนผิดแล้ว”
“หยุดนะไซโตะ พี่นานะอยู่ไหนกันแน่ !”
เขาแปลกใจที่เธอจำชื่อเขาได้ทั้งที่นานะเรียกเขาให้เธอได้ยินแค่ครั้งเดียว
แต่ไซโตะจากไปแล้ว และไวเกินกว่าก้าวเล็กๆ ของมามิจะตามทัน
“หยุดนะ !”
ไซโตะไม่เข้าใจนานะเลย ในเวลาที่เธอดูเหมือนว้าเหว่และต้องการเขาเธอกลับจากไป
รสเลือดของเขาเองที่เขาได้ลิ้มรสวันนั้นผ่านริมฝีปากของนานะเมื่อเธอจูบเขายังติดแน่นอยู่
ทว่าความเจ็บปวดจากคมเขี้ยวนั้นหายไปแล้ว
นานะ เธออยู่ไหน ?
เขารู้สึกว่างเปล่าเมื่อเดินไร้จุดหมายไปตามถนนสายเดิม สายฝนเย็นเยียบกระหน่ำลงมา
แล้วฝีเท้าของเขาก็หยุดกึก มือกำร่มค้างในมือ
ร่างสีขาวของนานะทรุดไร้สติอยู่ที่ริมกำแพงเทาทึม
ดูราวกับครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน
“ทำไมเป็นแบบนี้ นานะ !?” เขาพยุงร่างนั้นขึ้น
เธอดูราวกับตุ๊กตาสวยงามที่เพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก
“ฉันอยากกลับไปหานาย แต่คิดอีกทีก็ไม่อยาก”
“เธอเป็นอะไร ทำไมไม่บอกฉัน ให้ตายสิ”
“ฉันบอกแล้วว่าไม่อยากดึงนายลงมาอยู่ในโลกมืดกับฉัน
ไม่มีใครช่วยฉันได้” แล้วเธอก็คล้ายจะหมดสติไป “ไม่มีวัน”
ในที่สุดเขาก็ได้พานานะกลับมา เขาวางเธอลงที่โซฟา
นานะมีสติเหลือแค่ครึ่งเดียว
“หิวจัง” เธอบอก “ขอโทษนะที่เพิ่งมาถึงก็พูดอะไรบ้าๆ”
“ไม่เลย”
“ฉันยังรู้สึกผิดอยู่นะ” นานะเคลื่อนปลายนิ้วไปที่ลำคอของไซโตะ
รอยเขี้ยวที่เธอสร้างไว้บนนั้นเลือนหายไปแล้ว “ฉันทำกับนายวันนั้น
ทำร้ายคนที่ดีกับฉัน ทั้งที่ฉันเป็นคนเดียวที่ควรจะได้รับความเจ็บปวดแบบนั้น
และหยุดวังวนชั่วร้ายนั่นซะที”
แล้วนานะเบือนหน้าไปอีกทาง
ทว่านั่นทำให้ไซโตะเห็นรอยเขี้ยวสีแดงบนต้นคอของเธอ “นานะ รอยนี่... ”
“อย่าแตะต้องตัวฉันนะ !” นานะร้อง ร่างสั่นเมื่อไซโตะกุมต้นแขนของเธอไว้ราวกับถูกดึงลงสู่ฝันร้าย
และเมื่อเขามองเธอใกล้ๆ เขาก็เห็นว่ารอยเขี้ยวไม่ได้มีแค่จุดเดียว ไซโตะปลดเสื้อแจ็คเก็ตของร่างที่สั่นแผ่วๆ
อยู่ในอ้อมแขนของเขา มีรอยเขี้ยวต่ำลงไปจากไหล่ของเธอด้วย
“ใครทำกับเธอแบบนี้”
“ฉันมีเจ้าของแล้วไซโตะ ฉันไม่มีวันหลุดพ้นจากเขาได้” เธอบอก
“ในโลกแวมไพร์มีเจ้านาย ฉันต้องมอบเลือดและชีวิตให้กับเจ้านายของฉัน เขาชื่อมิคามิ
เจ้านายฝ่ายสูงในโลกแวมไพร์”
“นี่มันบ้าไปแล้ว” ไซโตะกัดฟัน
“ช่างมันเถอะ” นานะเบือนหน้า “บอกแล้วว่าไม่ต้องใส่ใจ แวมไพร์ก็เป็นปีศาจที่น่าสมเพชแบบนี้ล่ะ”
แต่ไซโตะกอดนานะไว้ แผ่นหลังสีขาวชื้นฝนในอุ้งมือของเขายังสั่นสะท้าน “เธอคงหิวมากแล้ว
มาสิ”
ไซโตะอยู่ใกล้เกินไป
ลำคอที่ลากต่อลงมาจากใบหน้างดงามมีเส้นเลือดเต้นอยู่ภายใน และเธอได้ยินมันอย่างชัดเจน
“นายน่ะบ้า นายจะตายเพราะฉัน” เธอพูดอย่างเจ็บปวด “ที่สำคัญมันจะเจ็บนะ”
“ไม่เป็นไร”
นานะนิ่งไป ปลายนิ้วเล็กเคลื่อนไปที่ปกเสื้อของไซโตะ
ก่อนจะปลดกระดุมเม็ดแรก “งั้นหลับตาซะ”
แล้วโลกทั้งโลกก็มืดไปเพราะเขาหลับตา ไซโตะสัมผัสความเจ็บแปลบที่ลำคอ คมเขี้ยวของนานะแทรกเข้ามาและดื่มเลือดของเขา
กลิ่นเส้นผมแวมไพร์ที่เปียกฝนผสมกับกลิ่นเลือดทำให้เขางุนงง
ไซโตะเปิดตา ใบหน้าที่สวยหวานเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นปีศาจร้ายยังคงดื่มเลือดจากเขา
ทว่าแผลบนร่างสีขาวของเธอเมื่อเขาลดมือลงนั้นค่อยๆ จางลงแล้ว และสุดท้ายก็เลือนหายไป
เลือดของเขาคงรักษาบาดแผลของเธอได้
“แบบนี้ดีแล้วล่ะ” เขาทรุดหลังลงกับพนักโซฟา
มือไล้แผ่นหลังของนานะราวกับปลอบโยน ทว่าเขาสัมผัสว่าเธอสะอื้น แล้วนานะก็ถอนคมเขี้ยว
“เป็นมื้ออาหารที่วิเศษที่สุดเลย ขอโทษนะ”
“อย่าขอโทษฉันอีก” ไซโตะสั่งเสียงนิ่ง
เช็ดคราบเลือดจากริมฝีปากของนานะด้วยปลายนิ้ว “แล้วก็ห้ามร้องไห้อีกนะ”
เธอนิ่งไป หลังๆ มานี้เธอไม่กล้าสบตาไซโตะตรงๆ เลย เขาดูราวกับแสงจันทร์ที่งดงามเกินไปสำหรับแวมไพร์ในโลกมืดอย่างเธอ
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเพื่อเธอ ฉันจะยอมเจ็บ” แล้วอีกมือไซโตะก็เคลื่อนมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอ
“และบางที ฉันอาจจะหลงรักความเจ็บปวดซะแล้ว”
“ไม่นะ”
“ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามา เธอก็เปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ไม่มีอะไรเหมือนเดิมสำหรับฉันอีกแล้ว
นานะ”
นานะกลับมาหิวอีกเร็วมาก ทุกครั้งถ้าเป็นก่อนนี้เธอจะออกล่า แต่วันนี้ทันทีที่ไซโตะกลับมาจากวิทยาลัย
เขาก็รู้ว่าเธอเชื่อฟังเขาและไม่ได้ออกไปล่าที่ไหน เพราะอย่างนั้นเธอถึงดูหิวจนทนไม่ไหวแล้ว
วันนี้เขาซื้อของใช้และชุดใหม่ๆ มาให้เธอ
เขาเตรียมหนังสือเรียนมาอ่านกับเธอด้วย
“มาสิ” เขาเรียก “ป่านนี้แล้วยังลังเลที่จะดื่มเลือดฉันอีกเหรอ”
“ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ชอบดื่มเลือดคนที่ฉันรู้สึกดีด้วย”
“รู้สึกดี ? หมายความว่าไง ?” ไซโตะถอดเน็คไท “หมายถึงเธอชอบฉันเหรอ”
นานะแทบสะอึก “ก็เคยบอกแล้วว่าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้วมันหมายความว่าไง”
“ไซโตะ ทำไมนายถามแบบนี้” นานะนิ่งไป “ฉันรักคนหลายคน ฉันรักมามิ
รักนาย...เลิกพูดเรื่องนี้ซะ ถ้าไม่อยากให้ฉันหนีหายไปอีก”
“ได้ ฉันไม่ถามแล้ว” แล้วไซโตะก็รั้งมือเธอไว้เมื่อเธอเหมือนจะเดินตรงไปที่ประตู
รั้งมือหนึ่ง แล้วก็มืออีกข้าง
แล้วริมฝีปากของนานะก็ฝังลงบนคอของไซโตะอีกครั้ง
กล้ามเนื้อแข็งของร่างที่สูงกว่ากระตุกเกร็ง นานะรู้ว่ามันเจ็บ
เพราะเธอไม่ได้จงใจทำมันอย่างแผ่วเบา นั่นเลยทำให้เลือดสายเล็กๆ
ไหลเลยจากริมฝีปากของเธอมาตามลำคอนั้น
ดีแล้วล่ะ บางทีเขาจะได้เกลียดคมเขี้ยวแวมไพร์
ความเจ็บปวดนี้เธอไม่มีวันยอมให้เขาเห็นมันเป็นสิ่งสวยงามไปได้
“ขอโทษนะ ไซโตะ”
แสงแดดจางสาดเข้ามาจากปลายผ้าม่าน เช้าแล้ว ไซโตะนั่งอยู่ข้างเตียงและนิ่งมองคนที่ยังหลับอยู่ในผ้าห่มของเขา
แล้วเมื่อดวงตากลมโตนั้นเปิดขึ้น ไซโตะก็บอกกับเธอ
“วันนี้เป็นวันเกิดฉัน”
“จริงเหรอ ?”
“ฉันจะโกหกทำไม”
“มาบอกกันแบบนี้อยากให้ทำอะไรให้เป็นพิเศษรึไง”
“เปล่า ก็แค่บอกไว้” ไซโตะลุกขึ้นแล้ว นานะมองร่างสูงที่ผละไปที่กระจกของตู้เสื้อผ้าเพื่อจัดเน็คไทและสวมเสื้อนอก
เขาดูน่ามองเหมือนเจ้าชายที่สง่างามเลย
“ไม่รู้จะไปบอกใครที่ไหนอีก ทุกทีก็อยู่คนเดียว
ตอนแรกก็นึกว่าชอบแบบนี้ แต่พอเธอมาอยู่ด้วยฉันก็สงสัยว่าแต่ก่อนอยู่คนเดียวมานานแบบนั้นได้ยังไง”
แต่นานะตีหน้านิ่งและพูดเสียงเย็นชา “อย่าลืมนะ
นายไม่ได้อยู่กับมนุษย์หรือกับเพื่อนที่ดี นายอยู่กับแวมไพร์”
“นั่นสินะ” ไซโตะมองตัวเองในกระจก และนานะก็เผลอมองเขานานเกินไป
จนตอนนี้เธอก็ยังคิดว่าหน้าตาของเขาหล่อเหลาจนไม่น่ายกโทษให้
และมันไม่เข้ากับวิธีพูดที่เย็นชาไม่เป็นมิตรของเขาเลย
นิสัยเก็บตัวและยิ้มยากแบบนี้ไม่เข้าใจเลยว่าเขามีแฟนคลับมากมายได้ยังไง
“แต่บางทีการถูกแวมไพร์กัดจนเลือดหมดตัวบ้างอาจจะดีกว่าที่ต้องอยู่คนเดียว”
เขาบอก
นานะนิ่งไป
แล้วไซโตะสะพายกระเป๋า “ฉันต้องไปแล้ว”
“มาบอกฉันทำไม” เธอทำเสียงเย็นชาเป็นพิเศษ
“ก็แค่บอก ไม่ได้ขออนุญาตหรืออะไร”
แล้วประตูก็ปิดลง นานะยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง เธอถอนใจ
การทำตัวเย็นชากับไซโตะที่อ่อนโยนกับเธอไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอต้องทำเพื่อป้องกันตัวเองและเขา
ใครจะยอมดึงชายที่งดงามราวกับแสงสว่างลงมาในเงามืดกับปีศาจกันล่ะ
แต่แล้วประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้งตอนที่เธอลุกขึ้นพับผ้าห่ม
“ลืมของเหรอ ประธานรุ่นไม่น่าขี้ลืมนะ”
ทว่าไม่มีคำตอบ ร่างสูงก้าวมาหยุดยืนหน้านานะ และมือใหญ่รั้งเธอเข้ามา
ร่างของนานะแนบชิดกับร่างของไซโตะ ใบหน้าก็เช่นกัน เขารั้งเธอเข้าไปใกล้จนเธอเห็นใบหน้าคมคายนั้นดูพร่า
มืออุ่นของไซโตะทาบอยู่ข้างแก้มของเธอ
ริมฝีปากของเขาเคลื่อนใกล้เข้ามา
“ไซโตะ ?”
ด้วยช่องว่างไม่กี่มิล แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็จะสัมผัสกัน ลมหายใจอุ่นรินรดผิวของนานะ
และเธอรู้สึกว่าผิวเธอบางเกินไปจนสะท้านแผ่วๆ
แต่แล้วใบหน้าของเขากลับเคลื่อนเลยไปก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะได้รับสัมผัสนั้น
เขาเพียงโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน
แล้วไซโตะก็ผละไป
ประตูปิดลง
นานะยืนนิ่งกับความรู้สึกแปลกๆ อีกครั้ง
เมื่อครู่หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะออกไป
ไซโตะกำลังก้าวผ่านเส้นบางอย่างที่เธอขีดกั้นเขาไว้เข้ามา
แล้วตอนที่เธอคิดจะเริ่มจัดห้องให้เขานั่นเอง
สายตาก็เหลือบไปเห็นแฟ้มงานที่เขาต้องใช้วันนี้
“ลืมของจนได้สินะ” นานะไม่รู้เลยว่าเขาลืมจริงหรือจงใจลืม เพราะคนอย่างไซโตะไม่ใช่คนที่ใครจะอ่านออกง่ายๆ
นานะมาถึงวิทยาลัยที่มีชื่ออยู่บนแฟ้ม
มันเป็นวิทยาลัยอันดับหนึ่งของจังหวัดนี้ และเธอเองก็เคยฝันที่จะได้มาเรียนที่นี่
ช่างเหอะ เธอไม่ควรจะอาลัยอาวรณ์อดีตที่เรียกกลับมาไม่ได้ ยังไงซะเธอก็ไม่ไปเรียนทั้งที่เป็นแวมไพร์แน่
แดดสว่างที่ไม่เหมาะกับแวมไพร์ทำให้นานะหลบตัวอยู่ในเงา นั่นไง
เธอเห็นเขาแล้ว
ร่างสูงและท่าทางที่น่ามองทำให้ไซโตะโดดเด่นกว่านักศึกษาคนอื่นอย่างง่ายดาย
“พี่คะ” นานะเห็นนักศึกษาหญิงรุ่นน้องวิ่งตามไซโตะมา
“ช่วยรับของขวัญนี้ไว้ด้วยค่ะ” เธอบอก หน้าแดงเหมือนมะเขือเทศ
“รุ่นพี่คบกับฉันได้มั้ยคะ แค่คบเฉยๆ พี่ไม่ต้องรักหรือดูแลอะไรฉันก็ได้
ขอแค่ฉันได้เจอพี่บ้างนานๆ ครั้งก็ยังดี”
นานะกลั้นหายใจ
“พี่รับของนี้ไว้ไม่ได้ ขอโทษด้วยนะ”
คำตอบของไซโตะทำให้นานะผ่อนลมหายใจออกได้
บางทีเธอก็ชอบให้เขาพูดแบบเย็นชา
“ทำไมคะ พี่มีแฟนแล้วเหรอ”
ไซโตะไม่ตอบ
“หรือพี่มีคนที่ชอบแล้ว ?”
????