3
Scarlet Touch
กึก...
ทั้งโรงเรียนเงียบไปหมด โถงทางเดินที่ควรจะเต็มไปด้วยนักเรียนก็เงียบสงัดเหมือนโรงเรียนร้าง
ฉันไม่เคยอยู่ที่ห้องสมุดนานจนเกือบปิดแบบนี้เลย
ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนจะกลับบ้านกันหมดแล้ว
“ทำท่าทางขยะแขยงฉันแบบนั้นไม่ดีเลยนะ”
ที่นั่นเองเสียงของชินจิทักฉันจากด้านหลัง
“ชินจิ อย่าทำให้ฉันกลัวนะ !”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันอธิบายทุกอย่างได้”
“ถึงยังไงนายก็เป็นแวมไพร์อยู่ดี นายเป็นผี
เป็นปีศาจที่ชั่วร้าย !”
“พูดพอรึยัง”
“ยัง” ฉันหันมาเผชิญหน้ากับเขา กัดฟัน กำมือไว้แน่น
ต้นขอของฉันยังเจ็บมาก และฉันรู้เลยว่าตอนนี้เลือดคงกำลังซึมลงมา ฉันยกมือไปแตะดู
แล้วก็เห็นว่ามีเลือดของตัวเองติดปลายนิ้วออกมาด้วย
“ที่ฉันไปง้อนายให้กลับมาเรียนน่ะไม่ใช่เพื่อให้นายมากินเลือดฉันตามใจชอบแบบนี้นะ”
“แล้วเธออยากให้ฉันทำยังไง ?”
“ก็เลิกทำให้ฉันกลัวไง” แล้วฉันก็วิ่งหนีอีก
แต่ทุกทางที่ไป ชินจิก็มาดักหน้าไว้ได้ นี่นะเหรอแวมไพร์
เขาเคลื่อนไหวราวกับเงาได้ !?
ชินจิ ! ยิ่งฉันทำให้เขาโกรธ เขาก็ยิ่งทำตัวเหมือนผีร้าย !
ฟึ่บ ! แล้วชินจิก็หายวับไปเพื่อจะมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันที่เพิ่งกลับหลังหัน
ไม่น่าเชื่อชินจิย้ายจากผนังอีกด้านมายังอีกด้านได้ในพริบตาทั้งที่ผนังสองด้านห่างกันหลายเมตร
!
“น่ากลัวจัง” ฉันปิดตาและเสียงสั่น
“ยูกะ”
“ไปนะ !” ฉันไล่
“ไม่”
แต่แล้วชินจิก็จับมือฉันไว้ นิ้วหัวแม่มือของเขาไล้หลังมือของฉันอย่างอ่อนโยน
ทำให้ฉันที่ยังกลัวรู้สึกผ่อนคลาย ทำไมล่ะ ?
“ฉันไม่ใช่ผีนะ” เขาบอกฉัน
“ใช่สิ”
“ผีน่ะจับต้องไม่ได้ แต่แวมไพร์ไม่ใช่
ลองจับตัวฉันดูสิ” ชินจิดึงมือของฉันไปวางบนตัวของเขา
“ฉันมีร่างกายนะ เหมือนเธอ เหมือนคนทั่วไป” ชินจิบอกเมื่อเขาจับให้ฝ่ามือของฉันกดลงบนแขนและไหล่ทั้งสองข้างของเขา
ก่อนที่เขาจะนำมือของฉันไปสัมผัสกับใบหน้าของเขา...ใบหน้าที่คมคาย...งดงาม...และน่าหลงใหลไม่เสื่อมคลาย
“ชินจิ”
“เข้าใจรึยัง ?” แล้วชินจิก็ลากมือของฉันมาทาบกับร่างของเขา...ร่างที่น่ามองและสูงใหญ่กว่าฉัน
และเสียงของเขาอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบโยนเด็กน้อยที่หวาดกลัว
“และฉันก็มีหัวใจ”
ชินจิลากฝ่ามือของฉันไปวางบนหัวใจของเขา และฉันสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจนั้นได้
“ฉันก็มีชีวิต มีความคิด และมีความรู้สึกเหมือนกัน”
เขาบอกราวกับวิงวอน “เลิกกลัวฉันได้แล้ว ยูกะ”
อย่างเงียบงัน
ชินจิก็เคลื่อนมือของฉันไปอยู่ต่อหน้าเขา มือนั้นเป็นมือที่มีปลายนิ้วเปื้อนเลือดของฉัน
และฉันพบว่ามือนั้นทิ้งรอยแดงไว้บนเสื้อนักเรียนสีขาวของเขา
“ฉันก็แค่แวมไพร์เท่านั้น
และถึงโลกจะสาปแช่งพวกเรา แต่กับเธอ ยูกะ อย่าเกลียดฉัน...”
ฉันยังยืนเกร็งเมื่อใบหน้าของชินจิเคลื่อนเข้ามาอย่างเชื่องช้า
และริมฝีปากของเขาเช็ดเลือดจากปลายนิ้วของฉัน
“นึกซะว่าฉันเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบดื่มเลือดเท่านั้น”
...เลือด...
แค่คำว่าเลือดก็ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ชินจิล็อคสองมือของฉันไว้อีกครั้ง ฉันรีบบิดหน้าและเอนตัวหลบ
แต่ผิดคาด ชินจิไม่ได้ฝังคมเขี้ยวลงบนลำคอของฉัน หากแต่ฝังลงบนข้อมือด้านในของฉันแทน
“โอ๊ย”
“ถ้าเธอไม่ชอบถูกดื่มเลือดจากที่คอ ฉันดื่มจากข้อมือของเธอก็ได้นะ”
แล้วชินจิก็ดื่มเลือดของฉันด้วยวิธีนั้น
ริมฝีปากของเขาทาบทับอยู่กับข้อมือของฉัน
...และมันเจ็บไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ เลย...
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเวลาที่เขาดื่มเลือดจากฉัน
ใบหน้าที่งดงามเกินกว่าจะอธิบาย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มงดงามที่ปรกลงมา
จมูกโด่งสวยราวกับวาดที่ปลายของมันแตะอยู่กับท้องแขนด้านในของฉัน...
...และความเป็นแวมไพร์อันลี้ลับของเขาที่ฉันคงไม่มีวันคุ้นชิน…
“เห็นไหม ? ฉันไม่ได้ทำรุนแรงเลยใช่มั้ยล่ะ
ฉันทะนุถนอมเธอมากด้วยซ้ำไป” ชินจิบอกฉัน ริมฝีปากของเขายังลิ้มรสเลือดของฉัน
และฉันรู้สึกว่าแววตาที่ดูอ่อนล้านั้นกลับสดใสและงดงามยิ่งกว่าเก่า
...ชินจิ...
ฉันอยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน ความฝันที่ว่านายคือเจ้าชายที่กำลังจุมพิตมือของเจ้าหญิง...และเจ้าหญิงนั้นก็คือฉัน
และนายเป็นเพียงเจ้าชายที่ขอเจ้าหญิงแสนสวยอย่างฉันเต้นรำ
ฉันรู้สึกมึนแล้ว
และใช่เลยฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในห้วงความฝัน คงเป็นเพราะเลือดในร่างของฉันกำลังไหลออกไปหาชินจิสินะ
ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายจริงๆ
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือฉันไม่อาจจมอยู่กับความฝันนี้ได้
ชินจิเป็นแวมไพร์ และเขาต้องการเลือดของฉัน
ฉันไม่อยากถูกกัดอีกแล้วชินจิ
แต่ใครก็ได้ช่วยบอกฉันที
...บอกฉันทีว่าฉันควรทำยังไง...
เมื่อคืนฉันคิดจนนอนไม่หลับเลยว่าฉันจะช่วยชินจิได้ยังไง
ฉันอยากให้เขาเลิกเป็นแวมไพร์ แต่มันจะเป็นไปได้ไหม ?
หรืออย่างน้อยถ้าแวมไพร์ไม่มีวันกลับกลายเป็นมนุษย์
ต่างจากมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ได้ง่ายๆ
ก็น่าจะมีวิธีทำให้แวมไพร์เลิกกระหายเลือดได้บ้าง
มีวิธีไหนมั่งนะที่ทำให้แวมไพร์ไม่ต้องกินเลือดมนุษย์
หรือเขาจะกินเลือดไก่ได้ ?
แต่ถ้าทำแบบนั้นก็น่าสงสารไก่อยู่เหมือนกัน
ไก่น่ะตัวเล็ก ถูกกัดหนเดียวก็คงตาย ไม่เหมือนมนุษย์ที่ถ้าดูแลตัวเองดีๆ
อาจจะมอบเลือดให้แวมไพร์เป็นประจำได้ เพราะงั้นมนุษย์ถึงได้เป็นอาหารของแวมไพร์ไงล่ะ
...ริมฝีปากที่ทาบทับอยู่กับเส้นเลือดเหนือลำคอของฉัน
มือที่รัดแน่น ร่างที่ชิดแนบกัน เสียงลมหายใจ...
ว่ากันว่าการถูกแวมไพร์กัดและดื่มเลือดเป็นเรื่องที่น่าหลงใหล
เพราะงั้นถึงมีมนุษย์มากมายยอมเป็นทาสของแวมไพร์
และชินจิก็ไม่ใช่แวมไพร์ที่ธรรมดาเลย เขาน่ามอง และมีเสน่ห์ที่ไม่สามารถอธิบายได้
ใบหน้านั้นยิ่งกว่างดงาม อาจเพราะผิวที่ขาวจัดกว่าคนทั่วไป ถึงงั้นก็ไม่ใช่ขาวซีด
ดวงตาก็ลี้ลับ...มองแล้วยากที่จะละสายตาไปได้ สันจมูกโด่งสวยเหมือนจงใจวาดเอาไว้
ไหนจะเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ล้อมกรอบใบหน้านั้น
ชินจิเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียกว่างดงามทีเดียว
กรี๊ดดดด !!!
ฉันคิดบ้าอะไรอยู่นะ !!!???
ยังไงฉันก็ต้องหาวิธีให้ชินจิเลิกกินเลือดให้ได้ ! ฉันสอบได้ที่หนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
เพราะงั้นฉันฉลาด
และจะต้องคิดคำตอบได้เร็วๆ นี้แน่ ๆ !!!
“ยูกะ ชั้นคิดถึงเธอจังเล้ยยยย” อยู่ๆ
เสียงดังและอ้อมแขนที่กระโจนเข้ามารัดฉันแรงจนหน้าแทบคว่ำกับโต๊ะก็ปลุกฉันออกมาจากความคิดที่ยุ่งเหยิง
เส้นผมหนาเหมือนตุ๊กตา
หน้าตาที่สดใสและร่าเริงเหมือนนางเอกอนิเมะ ขาที่ยาวเหมือนนางแบบ
ลิปกลอสสีชมพูใสปิ๊งบนริมฝีปากสวยน่ารัก
“ฟูมิ !?”
“ช่ายยยยย ฉันกลับมาแล้ว”
เธอชื่อฟูมิ และเธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันล่ะ
หลังจากลาเรียนไปเกือบอาทิตย์เพื่อไปต่างจังหวัดกับพ่อแม่
เธอก็กลับมาเป็นสีสันให้กับวันธรรมดาๆ ของฉันอีกครั้ง เพราะฟูมิน่ะทั้งยิ้มเก่ง
หัวเราะง่าย และพูดเก่งยิ่งกว่าใครไงล่ะ
“กลับมาทันวันวาเลนไทน์จริงๆ ด้วย” ฉันแซว และนั่นก็เพราะฟูมิเป็นสีสันของวันวาเลนไทน์ในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ทุกปีไงล่ะ
“แน่อยู่แล้ว จะพลาดได้ยังไงล่ะ
เพราะวันนี้ฉันต้องได้รับช็อคโกแล็ตจากหนุ่มๆ เยอะจนหอบกลับบ้านไม่ไหวแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆ”
ฟูมิไม่ได้พูดเกินเลยหรอก เธอได้รับช็อคโกแล็ตเยอะทุกปีจริงๆ
เพราะเธอน่ะหน้าตาน่ารัก แต่โรงเรียนนี้นักเรียนหญิงหน้าตาน่ารักไม่ได้มีฟูมิคนเดียวหรอกนะ
ว่าที่จริงมีหลายคนเลยล่ะ และหนึ่งในนั้นก็คือฉันเอง โฮะ โฮะ โฮะ
แต่ฟูมิน่ะเป็นมิตรที่สุดในโรงเรียนแล้วล่ะ
เธอเป็นนักเรียนหญิงที่มีอารมณ์ขันที่สุด แล้วก็มองโลกในแง่ดีที่สุดด้วย
เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ และนั่นก็เป็นคุณสมบัติที่ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าการมีหน้าตาที่น่ารักเลย
จริงมั้ย ?
“แต่ฉันว่าปีนี้เธอแพ้คนคนนึงล่ะ” มิโดริ
นักเรียนตัวเล็กที่อิจฉาฟูมินิดๆ อยู่เรื่อยพูดขึ้น
“ใคร ?”
“ชินจิ”
“หือ ?” ฟูมิทำหน้าเหวอไปเลย “ชินจิ ? ใครน่ะ ?”
“กรี๊ดๆๆๆ”
ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดที่นอกห้องเรียนก็ดังขึ้น ตามเสียงฝีเท้าจังหวะพอดี...มั่นคง...ออกจะเท่และขรึม...
...ฟังก็รู้ว่าเจ้าของฝีเท้าคงเป็นคนที่มีเสน่ห์หาตัวจับยาก...
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย