4
He’s a Vampire
เสียงกรี๊ดขนาดนี้ไม่มีทางผิดตัวแน่นอน
มีชินจิเท่านั้นที่จะเรียกเสียงฮือฮากรี๊ดกร๊าดขนาดนั้นได้ ตั้งแต่เขาตั้งใจเข้าเรียนทุกวัน
เขาก็กลายเป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์ขึ้นสิบเท่าในโรงเรียนนี้ ถึงติดจะเย็นชาและไม่ค่อยพูดกับใครก่อนเหมือนเดิมก็ตาม
นั่นไง ชินจิน่ะได้ช็อคโกแล็ตมาเยอะจริงๆ ด้วย
โอ้ ! ได้มาเป็นถุงเบ้อเริ่มเลย
!!
แต่เขาไม่ใช่คนหอบมาเองหรอกนะ
ร่างสูงน่ามองนั่นเดินโดยมือมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง
เพราะคนหล่อน่ะคงไม่ชอบถืออะไรพะรุงพะรัง เพราะงั้นเขาก็เลยไม่ได้แบกอะไรทั้งนั้น
“โอ๊ย รอด้วยชินจิ ฉันหนักนะ ! นี่จะแคร์หัวใจพวกสาวๆ
มั่งได้มั้ย ??” หนุ่มแว่นวาตานาเบ้รองหัวหน้าชั้นนั่นเองที่เป็นคนแบกถุงช็อคโกแล็ตที่สาวๆ
ทั้งมัธยมมอบให้ชินจิตามมา ถุงคงหนักมาก วาตานาเบ้ถึงดูเหมือนขาสั่น
ฮ่าๆๆๆ
“นั่นล่ะ ชินจิ
นักเรียนใหม่ที่เข้ามาเรียนตอนเธอไม่อยู่ไง” มิโดริบอกฟูมิ แต่มิโดริกับฉันกลับเห็นว่าฟูมิยืนทื่อไปแล้ว
“ชินจิ” ฟูมิพึมพำ
แต่ทั้งร่างเหมือนถูกสาปเป็นหิน “ละ...ละ...หล่อ...หล่อมาก ทำไมหล่อแบบนี้ล่ะ ?”
มิโดริเอามั่ง “หล่อโฮกจนทำฉันเจ็บตาแบบนี้ก็ดีนะ
ห้องเราจะได้เอาช็อคโกแล็ตไปขายต่อ แล้วเอาตังค์ไปเที่ยวตอนปิดเทอมกัน
ถ้าชินจิยอมยกช็อคโกแล็ตพวกนั้นให้เราน่ะนะ
เพราะหนุ่มหล่ออย่างเขาคงไม่กินช็อคโกแล็ตหรอก”
แล้วเธอกระทุ้งศอกใส่ฟูมิ “ใช่มั้ยฟูมิ”
...เงียบ…
“อ้าว ฟูมิหายไปไหนแล้วล่ะ ?”
มิโดริเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้เธอกระทุ้งศอกไปที่ความว่างเปล่า
และฟูมิไม่ตอบก็เพราะเธอไม่อยู่ข้างเราแล้วนั่นเอง เพราะนั่นไง ! ในพริบตาเดียวเธอก็วิ่งไปอยู่ต่อหน้าชินจิที่เดินมาถึงประตูห้องเรียนแล้ว
เสียงกรี๊ดข้างนอกยังแว่วมา
“สวัสดี นายคือชินจิ นักเรียนใหม่ใช่ไหม ?” ฟูมิพูดดังทับเสียงกรี๊ดที่ไม่นานก็เงียบไป
เพราะฟูมิส่งสายตาสังหารให้น้องๆ นักเรียนหญิงเจ้าของเสียงไงล่ะ
เหมือนที่คาดไว้ ชินจิไม่พูดอะไรเลย
“ฉันชื่อฟูมิ เรียนห้องเดียวกับนายล่ะ แต่ช่วงก่อนอยู่ต่างจังหวัดก็เลยเพิ่งมา”
โห ฟูมิยิ้มสวยจัง และยิ้มสวยขนาดนั้น...นั่นหมายความว่าเธอหว่านเสน่ห์ชินจิทันทีเลยนี่นา
ฉันไม่เคยเห็นฟูมิทำตัวแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะ ชินจิคงเป็นผู้ชายในเสป็คของฟูมิละมั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ฟูมิยิ้มกว้าง
“อืม”
ชินจิตอบง่ายๆ
ก่อนที่สายตาของเขาจะมองเลยฟูมิไปและมาจับอยู่ที่หน้าฉัน
แล้วเขาก็เดินตรงมาที่โต๊ะฉัน
“ยูกะ” มือและนิ้วเรียวสวยของชินจิยื่นช็อคโกแล็ตห่อฟอยล์สวยหรูในมือของเขาให้ฉัน
“หือ ?”
“ฉันให้” เขาบอกด้วยรอยยิ้มบาง
และนั่นก็ทำให้เพื่อนทั้งห้องมองเราเป็นตาเดียว
“ทำไม ?” ฉันถามกลับ
“บำรุงเลือดไง”
“ไม่ต้องหรอก”
“รับไว้เถอะนะ” แล้วชินจิก็วางช็อคโกแล็ตลงบนมือของฉัน
ก่อนจะปลีกไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
ฟูมิมองฉันค้าง... แล้วก็ทุกคนด้วยเหมือนกัน...
ชินจินะ !!!
“บำรุงเลือด ?” เพื่อนๆ ในห้องทวนคำที่ชินจิพูดเมื่อกี้
นี่พวกเขาได้ยินเหรอ ? ชินจิไม่ได้พูดดังนะ
“ทำไมต้องบำรุงด้วย ? ยูกะท้องเหรอ ?”
“พวกนาย !!!” ฉันวี๊ดเหมือนปรอทแตก !!!
“อย่าพูดบ้าๆ นะ !!!”
“ชินจิชอบยูกะเหรอ ?” เพื่อนในห้องฮือฮาใหญ่แล้ว
“ไม่นะ !!! ไม่จริง !!!! เลิกพูดบ้าๆ เดี๋ยวนี้นะ
!!!!!” ฉันหน้าแดงแล้วก็ดิ้นใหญ่แล้ว !!!
“ไม่ใช่หรอก” แต่แล้วเสียงตอบเรียบๆ
ของชินจิก็ช่วยฉันไว้ “แค่ได้ช็อคโกแล็ตมาเยอะน่ะ”
“อ้อ” เพื่อนๆ ดูจะฟังคำตอบของเขา
“เอาไปแบ่งกันในห้องสิ ฉันให้” ชินจิอนุญาตอีก
“เฮ !!!!”
แล้วสงครามชิงช็อคโกแล็ตของชินจิก็เริ่มขึ้น
และมันรุนแรงจนโต๊ะและเก้าอี้ล้มครืน ส่วนถุงช็อคโกแล็ตถูกฉีกกระจุยกระจาย
และเมื่อฉันหันไปมองชินจิก็พบว่าเขาหยักยิ้มให้ฉันสั้นๆ
...ก็เท่านั้น...
แล้วคุณครูก็เดินเข้ามาในห้อง
“ชินจิชอบเธอแน่เลย”
ฟูมิเซ้าซี้ฉันที่กำลังตั้งใจฟังคุณครู ทั้งๆ ที่ฉันอยากจะตั้งใจเรียนเท่านั้น
ฟูมิน่ะนั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ก็เลยกลายเป็นเหมือนฉันเป็นไส้ของแซนด์วิช
โดยมีชินจิและฟูมิขนาบฉันคนละด้าน แต่ด้านของชินจิมีทางเดินกั้นไว้ด้วย
ในขณะที่โต๊ะของฉันกับฟูมิอยู่ชิดกันไปเลย
“ไม่ใช่หรอก เลิกเซ้าซี้ฉันเหอะน่า”
“ใช่มั้งยูกะ ?”
“ไม่ใช่หรอก จริงๆ” ฉันตอบอย่างตัดรำคาญ
“จริงเร้อ”
“เขาแค่ติดหนี้ฉันเท่านั้น”
“ติดหนี้ ?”
ฉันหมายถึงหนี้เลือดไงล่ะ ชินจิดื่มเลือดของฉันสามครั้งแล้ว
และแผลของมันก็เพิ่งจะเลือนหายไปเมื่อเช้านี้
แต่ฉันยังจำสัมผัสและความเจ็บของมันได้อยู่เลย
“ติดหนี้ ? หมายถึงเขาขอยืมเงินเธอเหรอ ยูกะ ?”
“ก็ประมาณนั้น” ฉันตอบเลี่ยงๆ ไป
เพราะจะให้บอกว่าเขาเป็นแวมไพร์ได้ยังไงล่ะ
ขอโทษนะชินจิที่ทำให้แวมไพร์หน้าตาดีอย่างนายเสียภาพพจน์ ถูกมองว่าไม่มีเงินใช้
ขอโทษจริงๆ
ฟูมิทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ก็ใครจะเชื่อล่ะ
“วันหลังถ้าเขาลืมเอาเงินมาอีก
อย่าลืมให้มายืมเงินฉันแทนนะ นะๆๆๆๆ ยูกะเพื่อนร๊ากกกก”
“ได้เสมอ”
แต่ใครจะเข้าใจฉันจริงๆ บ้าง ต่อให้ฟูมิที่เป็นเพื่อนสนิทก็เหอะ
เชื่อสิว่าเธอไม่อยากถูกแวมไพร์กัดหรอก !!
เวลาอาหารเที่ยงมาถึงอีกแล้ว
พวกเรากำลังอยู่ในโรงอาหาร ฟูมิลากแขนชินจิมานั่งกับเธอเลยล่ะ เธอดูจะชอบชินจิมากจริงๆ
นะ ฉันไม่เคยเห็นเธอตื่นเต้นกับนักเรียนชายคนไหนเหมือนครั้งนี้เลย
“ชินจิ นายชอบกินอะไรเหรอ ? ให้ฉันเลือกให้มั้ย ?
ฉันรู้ดีที่สุดเลยนะว่าอะไรที่นี่อร่อย”
ฟูมิพูดไม่หยุดและยิ้มจนฉันเมื่อยปากแทน เธอเหมือนฉันวันแรกที่พบชินจินั่นล่ะ
บางทีฉันคิดว่าเธอน่าจะมาเป็นหัวหน้าห้องแทนฉันบ้าง แต่เพราะคุณครูเลือกหัวหน้าชั้นจากคะแนนสอบ
ฉันก็เลยต้องรับหน้าที่หัวหน้าห้องไปโดยปริยาย
ทั้งที่ฟูมิคุยเก่งกว่าและเป็นกันเองกับคนอื่นได้เร็วกว่าน่ะนะ
“นี่ ฉันมีเมนูให้นายด้วย เลือกเลยตามสบาย”
แต่ชินจิก็แค่มองเมนูอย่างเฉยเมย และฉันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเพราะอะไร
“นายลืมเอาเงินมาอีกแล้วใช่มั้ย ? ยืมฉันก็ได้
นี่จ้ะ” ด้วยยิ้มหวานแบบที่มดทั้งรังได้กินแล้วคงอิ่มท้องแตกตาย
ฟูมิก็วางเงินลงบนโต๊ะหนึ่งหมื่นเยน !
“ลืมเงิน ?” ชินจิถามงงๆ แล้วหันมามองหน้าฉัน
ทำให้ฉันต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” ชินจิตอบฟูมิ
แล้วดวงตาของเขาก็ลากมาสบตากับฉัน
“แค่ฉันสนใจอยากกินอย่างอื่นเท่านั้น”
“...”
คำพูดของชินจิทำให้ฉันนิ่งค้าง ร่างทั้งร่างเกร็งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติเมื่อนึกถึงคมเขี้ยวคมกริบนั้น
แต่ฟูมิกลับหน้าแดง
แล้วชินจิก็ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นและทิ้งเราเดินออกจากห้องอาหารไป
ว่าแต่การที่เขาเดินออกจากห้องแบบไม่ใยดีอาหารแบบนั้น
ไหนจะยังดวงตาที่มองฉันอย่างตั้งใจนั่น...
หายนะมาถึงฉันอีกแล้วแน่ !
ทั่กๆๆๆ
ฉันรีบเดิน เพราะชินจิกำลังตามมา
“ชินจิ ปล่อย ! อย่ากัดฉันนะ!” ฉันร้องเมื่อชินจิดึงมือของฉันไว้หลังเลิกเรียน
ในอีกวินาที่หนึ่งเขาก็ลากฉันมาในโรงยิมที่ไม่มีใครเลย เขาช่างเลือกเวลาที่ทุกคนไม่เห็นสิ่งที่เขากำลังจะทำกับฉันได้ดีแท้
! ไม่นะ !!
“เริ่มเก่งขึ้นแล้วนะยูกะ รู้ว่าฉันหิวแล้วสินะ”
“ฉัน...”
“ฉันคิดถึงเธอนะ”
นี่นะเหรอภาษาในการล่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของแวมไพร์
!? ฟังดูโรแมนติกเกินไปรึเปล่า
!?
“ผีอย่างนายไม่ควรคิดถึงฉัน”
“อย่าเรียกฉันว่าผีนะ ฉันเป็นแวมไพร์”
“อะไรก็ช่างเหอะน่ะ
นี่นายคิดจะกัดฉันอีกแล้วใช่มั้ย ?”
“ฉันดีใจนะที่เธอเข้าใจฉัน”
“แต่ฉันไม่ต้องการเข้าใจแวมไพร์อย่างนาย ปล่อยฉัน
!”
“ฉันไม่ควรพูดมากกับเธอก่อนมื้ออาหารเลย
ยิ่งพูดก็ยิ่งกลัวสินะ”
แล้วชินจิก็กระตุกมืออีกครั้ง
และแรงเพียงแผ่วเบาของเขาก็ทำให้ฉันถลาไปข้างหน้า
ชินจิหยักยิ้ม “บางที ฉันน่าจะดื่มเลือดเธอก่อนแล้วค่อยพูดนะ”
“อ๊า...” ชินจิกัดฉันอีกแล้ว ! บ้าจริง !
แขนของเขารัดร่างของฉันไว้จนแน่น
ตุบ
กระเป๋าของฉันหลุดจากมือและหล่นลงสู่พื้นโรงยิม
เกิดเป็นเสียงกังวานสั้นๆ การกัดและกอดรัดที่รุนแรงทำให้ฉันหายใจไม่ออก
“ช...ชินจิ ฉันเจ็บนะ”
แต่มือของชินจิกับเคลื่อนมาปิดปากของฉันไว้ ในขณะที่ริมฝีปากของเขายังละเลียดรสเลือดจากลำคอบอบบางของฉันต่อไป
โดยไม่รู้ตัว นิ้วของฉันจิกขยุ้มเสื้อของชินจิไว้ด้วยความกลัว
และเขาเองก็ขยุ้มเสื้อด้านหลังของฉันไว้อย่างแผ่วเบา
...อีกแล้ว...
ทั้งที่บอกว่าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว
...ไม่นะ...
...ชินจิ....
ร่างของฉันทรุดลงแล้ว ฉันไม่เหลือเรี่ยวแรงต่อหน้าร่างสูงที่งดงามนั้น
แวมไพร์ชินจิยังคงประคองร่างของฉัน
“ชินจิ” ฉันพึมพำเรียกชื่อเขา รู้สึกมึนตื้อ
รู้สึกขาดอากาศ ...ราวกับกำลังจะขาดใจ เขาปล่อยให้ฉันทรุดนั่ง
...เวลาผ่านไป...นานอาจจะถึงสิบนาทีก็ได้ แล้วนิ้วเรียวยาวของชินจิลูบไล้เส้นผมของฉันอย่างปลอบประโลม
“ให้” แล้วเขาก็ยื่นสิ่งหนึ่งใส่ในมือของฉัน
“น้ำแครนเบอร์รี่ ?”
“เธอต้องกินทุกวัน สัญญานะ”
“แต่...”
ฉันได้ยินมาว่าน้ำแครนเบอร์รี่ใช้บำรุงเลือดได้ดี
ถ้างั้นเขาก็คิดจะดื่มเลือดของฉันอีกนะสิ ไม่นะ !
แต่ชินจิลุกไปแล้ว
เขาปล่อยฉันให้ทรุดนั่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหันหลังมาพูดกับฉัน
“เพราะฉันต้องการเลือดของเธอนะ ยูกะ”
“เดี๋ยว” แต่พอเขาเดินห่างออกไป
ฉันก็เรียกร่างสูงนั้นไว้
“ฉันจะช่วยนาย ชินจิ”
“?”
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย