protect copy

วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

บทนำ Prologue



     เมืองอาร์เธอร์ แคนาดา
   “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อวิคกี้ วัตสัน มาจากโทรอนโต้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ”
   ฉันกำลังเดินซ้อมคำพูดแนะนำตัวเองอยู่ขณะที่สะพายเป้เดินอย่างกระฉันกระเฉง มุ่งหน้าไปที่วิทยาลัยอาร์เธอร์ซึ่งได้ยินมาว่าสวยเหมือนวิหารโนตร์ดามในปารีส วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกในวิทยาลัยใหม่ของฉัน หลังจากที่ฉันเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่น่ารักแห่งนี้ได้ตั้งแต่ปิดเทอมฤดูร้อนนี้เอง แค่คิดเรื่องวิทยาลัยใหม่ฉันก็ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว สายลมเย็นที่พัดผ่านไปทำให้ฉันมั่นใจว่าวันนี้ฉันจะเจอแต่เรื่องดีๆ แน่นอน
   ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูนาฬิกา ตัวเลขบนหน้าจอบอกว่าเพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเท่านั้น เวลาที่ยังเหลืออยู่เหลือเฟือก่อนเริ่มชั้นเรียนทำให้ฉันอมยิ้ม นึกภูมิใจที่มาเรียนเช้าเป็นประจำและชอบทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบเสมอ ฉันเป็นคนแบบนั้น
   พูดนึกถึงนิสัยของตัวเองที่หลงใหลความไร้ที่ติ สายตาของฉันที่ลากจากโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองตรงก็สะดุดกับสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดสิ่งหนึ่งเข้าให้ ไกลออกไปที่ข้างหน้าและกำลังตรงเข้ามาคือชายร่างสูงที่กำลังวิ่งจูงหมา และเชื่อเลยว่าผู้หญิงทุกคนที่เห็นยกเว้นฉันจะต้องอยากแปลงร่างเป็นหมาไซบีเรียนฮัสกี้ที่วิ่งลิ้นห้อยอยู่ข้างเขาแน่ๆ
   เขาอยู่ในชุดวิ่งสีดำเท่ และเมื่อวิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นฉันก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไมเขาถึงหน้าตาดีและโดดเด่นได้ขนาดนั้น เพราะถึงแจ็คเก็ตของเขาจะมีหมวกฮู้ดคลุมหัวแต่ก็ไม่สามารถบดบังเส้นผมยาวเกือบปรกตาที่มีสีน้ำตาลเหมือนช็อคโกแล็ตเบลเยียมของเขาได้ นัยน์ตาสีฟ้าอมเทาบนใบหน้าคมคายนั้นก็ดูมีเสน่ห์โดดเด่นกว่าที่ฉันเคยเห็นที่ไหน ที่สำคัญเขาเพอร์เฟ็คท์ได้ขนาดนั้นทั้งๆ ที่วิ่งเหงื่อโชกจูงหมา แน่นอนว่าไม่ธรรมดาเลย
ตึกๆๆ
เขาวิ่งผ่านฉันไป เสียงหอบแฮกของหมาลิ้นห้อยแว่วห่างไปข้างหลังแล้ว ฉันเลิกคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่าออกจะน่าแปลกอยู่ที่มีผู้ชายหน้าตาดีในเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้มีเอเยนซี่นายแบบหรือสตูดิโอถ่ายหนังแบบนี้
ฉันเดินต่อไปไม่นานก็มาถึงวิทยาลัยอาร์เธอร์ตามที่ตั้งใจ
“ว้าว”
เมื่อเดินมาหยุดต่อหน้าตัวตึกตระหง่านของวิทยาลัยฉันก็ต้องร้องออกมาด้วยความทึ่ง  วิทยาลัยใหม่ของฉันสวยกว่าที่เห็นในเว็บไซท์เสียอีก ถึงจะเล็กแต่ก็ดูงามสง่าและคมขลังราวกับโบสถ์คาธอลิกที่ภูมิฐานและอลังการ อาคารหลักถูกตกแต่งด้วยกระจกสเตนกลาสหลากสีที่กรองแสงแดดเจิดจ้าเอาไว้ และเมื่อเดินเข้าไปภายในฉันก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าแสงแดดที่ถูกกระจกสีกรองไว้ได้เนรมิตพื้นมืดให้สว่างไสวไปด้วยแสงสีรุ้งพร่าพราย สอดผสานอย่างลงตัวกับพื้นทางเดินภายในอาคารที่ทำจากกระเบื้องโมเสคโบราณอันละเอียดประณีต ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุคกลางที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลัง
จะว่าไปวิทยาลัยนี้ก็ไร้ที่ติไปเสียทุกอย่าง ติดอยู่ก็แต่นักศึกษาของที่นี่ เพราะจนป่านนี้ที่ฉันเดินสำรวจสถานที่จนเกือบทั่วแล้วก็ยังไม่เห็นนักศึกษาหญิงเลยสักคน บางทีวิทยาลัยนี้อาจจะมีนักศึกษาหญิงน้อยเกินไป หรือไม่อีกทีพวกเธออาจจะแค่ตื่นสาย
ถึงจะแปลกใจแต่การเห็นนักศึกษาชายเต็มไปหมดก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดคาดหมายสำหรับฉัน ฉันทำใจมาก่อนหน้าที่จะสมัครเรียนแล้ว จากเว็บไซต์ทำให้ฉันรู้ว่าอาร์เธอร์คอลเลจเคยเป็นอารามเก่าอายุเกินร้อยปี ก่อนที่จะกลายเป็นวิทยาลัยนักบวชอีกครึ่งศตวรรษ จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาเป็นวิทยาลัยชายล้วนอยู่เกือบสิบปี แล้วปีนี้ก็เป็นปีแรกๆ ที่ทางวิทยาลัยเริ่มเปิดรับนักศึกษาหญิง
แต่ฉันมีนิสัยที่น่าตำหนิอยู่อย่างหนึ่ง ฉันมักจะให้คะแนนเมืองและอาคารเรียนที่สวยงามมาเป็นอันดับหนึ่งเวลาเลือกที่เรียน และแค่เห็นอาคารเรียนนี้ในเว็บไซต์ฉันก็ตกหลุมรักหมดหัวใจ รักมากจนไม่ได้เอะใจก่อนสมัครเลยว่าค่าเทอมจะแพงขนาดไหน พ่อแม่ที่โทรอนโตจะมาเยี่ยมหาได้บ่อยหรือเปล่า แล้วไหนจะปัญหาอีกมากมาย
ในที่สุดฉันก็เดินเข้ามาถึงกลางโถงทางเดินปีกใต้ของวิทยาลัย และเพราะยังไม่ถึงเวลาปฐมนิเทศทำให้มีพวกนักศึกษาชายนั่งๆ ยืนๆ คุยกันอยู่ประปราย
พวกเขาทุกคนดูสนิทสนมกันดีทีเดียว นั่นก็เพราะพวกเขาเป็นนักศึกษาเก่า ต่างฉันที่ย้ายเข้ามาตอนปีสามแบบนี้ซึ่งไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ การเดินผ่านกลุ่มคนที่สนิทกันอยู่แล้วทำให้ฉันไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว ฉันอยากเจอเพื่อนผู้หญิงแล้ว ไม่ใช่เจอแต่ผู้ชายที่เอาแต่จ้องฉันเหมือนเห็นตัวประหลาดแบบนี้ บางทีฉันน่าจะลองหาเดินหาเพื่อนเพศเดียวกันต่อไป 
ฉันเดินทะลุไปทะลุมาระหว่างอาคาร แล้วในที่สุดฉันก็เจอนักศึกษาหญิงจนได้ พวกเธออยู่นั่นไงล่ะ!
สวบ...สวบ
แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงสองสามคนนั่นถึงต้องปีนลับๆ ล่อๆอยู่บนต้นไม้ ดูจากความคล่องแคล่วทำให้ฉันเชื่อว่าพวกเธอน่าจะอยู่ชมรมดูนก และนกตัวนั้นคงจะหายากมากพวกเธอถึงได้กรีดร้องอย่างตื่นเต้น
 “ได้รูปแล้ว! วะ...วะ...ว้าย!!
พอถ่ายรูปนกหายากตัวนั้นได้พวกเธอก็พากันหล่นตุ้บลงไปกองระเนรนาดบนพื้นหญ้าเขียวหนานุ่ม มือถือที่ใช้ถ่ายภาพกระเด็นมาตกเด่นอยู่ที่ปลายเท้าของฉัน และเมื่อฉันก้มมองภาพบนจอก็ต้องตกตะลึง ภาพที่ฉันเห็นไม่ใช่ภาพนกที่ไหนเลย แต่เป็นภาพของนักศึกษาชายที่หล่อมากแบบไม่น่าเชื่อคนหนึ่งต่างหาก
ผู้ชายในภาพมีเส้นผมสีบลอนด์สว่างเป็นเงางามโดดเด่น นัยน์ตาสีเทาราวกับทะเลสาปน้ำแข็งดูงดงามน่าอัศจรรย์ โครงหน้าของเขาหล่อเหลาและคมคายราวกับรูปสลักที่สมบูรณ์แบบ สัดส่วนทั้งหมดดูลงตัวอย่างไร้ที่ติและน่าหลงใหล ทำให้ยากที่จะเชื่อว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่ดูน่ามองขนาดนี้ในวิทยาลัยที่มีนักศึกษาอยู่แค่หยิบมือ และบางทีเขาอาจจะเป็นนายแบบหรือไม่ก็เจ้าชาย
หมับ! แต่เจ้าของมือถือก็คว้าภาพล้ำค่าของเธอกลับไปก่อนที่ฉันจะคิดหาคำตอบได้ ฉันทำหน้ายู่ ออกจะผิดหวังที่พอเห็นใกล้ๆ ก็รู้ว่าเธอกับเพื่อนไม่ใช่นักศึกษาที่นี่ แต่เป็นนักเรียนมัธยมที่ไหนก็ไม่รู้
 “รูปยังอยู่หรือเปล่า?! เฮ้อ ดีจังที่รูปไม่เป็นอะไร” นักเรียนสาวมัธยมเจ้าของมือถือถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไหนๆๆ เอารูปพี่เขามาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้นะ!
หลังจากนั้นน้องมัธยมก็เปิดศึกชุลมุนแย่งดูรูปนักศึกษาชายคนนั้น ก่อนที่อีกอึดใจพวกเธอชะงัก ร้องจ๊าก และวิ่งหนีไปแบบไม่เห็นเงา
“อ้าว เดี๋ยวสิน้อง! ” ฉันร้องเรียกและชูรองเท้าหรา “วิ่งจนรองเท้าหลุดแล้ว! จะรีบไปไหน!? “
แล้วฉันก็ได้คำตอบเมื่อโยนรองเท้าทิ้งข้ามหัว กลับหลังหันออกเดิน แล้วก็ชนกับร่างสูงร่างหนึ่งเข้าให้
ปึ้ก!
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” ฉันกล่าวทันที และมันคงดีถ้าทุกอย่างจะจบแค่นั้น แต่ไม่เลย “ยะ...ยะ...แย่แล้ว”
ฉันพบว่าที่ระดับสายตาของฉันคือเสื้อสีขาวสุดเนี้ยบบนแผ่นอกราบของใครคนหนึ่ง และบนนั้นมีคราบลิปสติกของฉันประดับอยู่อย่างโดดเด่น! 
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ จะรีบเช็ดให้นะคะ!
แต่ฉันยิ่งเช็ดเสื้อเชิ้ตข้างหน้าก็กลับยิ่งเลอะ ในขณะที่เสียงนุ่มหูแบบที่รู้ว่าเจ้าของเสียงต้องหล่อแน่นอนก็ลอยมาเหนือหัวของฉัน
“ไม่เป็นไร”
และเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปสบตากับเจ้าของเสียงเท่านั้นฉันก็ต้องตกใจ เพราะเขาคือเจ้าชายที่ถูกน้องมัธยมแอบถ่ายรูปนั่นเอง! ตอนนี้ฉันได้แต่กลัวว่าแฟนคลับของเขาอาจจะฆ่าฉันตายฐานที่ทำเสื้อของเขาเปื้อน 
“โชคร้ายเกินไปแล้ว ฉันจะพาไปล้างนะคะ” ฉันรีบดึงแขนเสื้อเจ้าชายแล้วลากเขาไปห้องน้ำ
“ตรงไปสุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย” เขาบอกทางไปห้องน้ำให้ฉันเมื่อเห็นว่าฉันที่เดินนำกลับไม่รู้ทาง
แต่เมื่อมาถึงห้องน้ำฉันก็ต้องชะงัก ห้องน้ำแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำชาย และอีกฝั่งเป็นห้องน้ำหญิง จริงอยู่ห้องน้ำแบบนี้เหมือนห้องน้ำทั่วไปในโลก แต่สำหรับฉันมันบ้าสิ้นดี ฉันได้แต่ยืนลังเลว่าจะพาเขาเข้าห้องน้ำไหน เพราะไม่ว่าจะพาเขาเข้าห้องน้ำหญิงกับฉันหรือเดินตามเขาเข้าไปไหนห้องน้ำชายก็ดูจะเป็นทางเลือกที่บ้าทั้งนั้น!
“ฉันจัดการเอง อย่าห่วงเลย” แล้วเจ้าชายชาร์มมิ่งผู้โชคร้ายก็เดินเข้าไปในห้องน้ำชายคนเดียว
หนึ่ง...สอง...สาม... ฉันนับก่อนจะหันไปดูเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยไหม
เขาถอดเสื้อออกหมด...
ขวับ! ฉันรีบหันกลับมาก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที  “ลาก่อนค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
วิ่งหนีมาได้หลายก้าวฉันก็พ้นออกมาถึงตึกอีกช่วง แต่จนป่านนี้แล้วฉันก็ยังเห็นแต่นักศึกษาชาย เวลาปฐมนิเทศที่งวดเข้ามาทำให้ฉันรู้ว่าต้องรีบมองหาเพื่อนผู้หญิงให้เจอแล้ว
ฉันเหลียวซ้ายแลขวา แล้วทันใดนั้นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของฉันก็ต้องหยุดกึกเหมือนถูกแช่แช็ง นิ่งราวกับถูกสาปเมื่อมองตรงไปข้างหน้า ห่างออกไปสิบเมตรนักศึกษาชายคนหนึ่งกำลังเดินใกล้เข้ามา และเขาเป็นนักศึกษาชายอีกคนที่ดูดีมาก...มากจนน่าประหลาดใจ ร่างสูงนั้นดูโดดเด่นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ และที่สำคัญเขาไม่เหมือนใครที่ฉันเคยเห็นเลยแม้แต่คนเดียว
ร่างสูงที่ยิ่งกว่าไร้ที่ติเดินใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อนั้นเขาได้เปิดเผยใบหน้าที่หล่อเหลาถึงขั้นงดงามต่อสายตาของฉัน เส้นผมของเขามีสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจัดราวกับหิมะ คิ้วสีเดียวกันคมสวยเหมือนวาดโดยท่านเซอร์ลอว์เรนซ์ ทาเดมา ตัดกับนัยน์ตาสีฟ้าที่ออกจะโตและสวยจนเหลือเชื่อของเขา...ดูราวกับทะเลสาบที่ล้ำลึกและน่าหลงใหล
 …แล้วชั่วขณะนั้นเองหัวใจของฉันก็หยุดเต้นไป ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลย ฉันไม่ใช่พวกที่สนใจมองผู้ชายที่หน้าตา และที่จริงฉันไม่เคยสนใจมองใครมาก่อนเลย...
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับภาพสโลว์โมชั่น ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาดังก้อง ลมหายใจก็สะดุดไปเมื่อเขาเดินมาถึงตรงหน้า บางทีฉันอาจจะแค่กำลังฝันไป
 แต่เขาไม่เห็นฉันด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะเขากำลังเดินคุยมากับเพื่อนชายหน้าตาดีระดับนายแบบอีกคนข้างๆ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าวิทยาลัยเล็กๆ อย่างอาร์เธอร์นี่เป็นวิทยาลัยแบบไหนกัน ทำไมถึงมีผู้ชายที่หน้าตาดีหลายคนพร้อมๆ กันแบบนี้ได้ และฉันขอสาบานว่าที่ฉันพูดแบบนี้ได้ไม่ใช่เพราะฉันเป็นพวกบ้าผู้ชาย! พวกเขาแค่หน้าตาดีเกินไปเท่านั้น!
เขากำลังจะเดินผ่านฉัน และเขาไม่เห็นฉันเลย แต่วินาทีนั้นเพื่อนของเขาที่มาดเข้มราวกับกาแฟดำลากสายตามาที่ฉัน ดวงตาสีเข้มนั้นที่หล่อเหลาอย่างไม่เป็นรองใครดูแข็งและดุดัน เขามองฉันอย่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
อีกวินาทีชายเจ้าของดวงตาสีฟ้าและเส้นผมสีดำที่ก็เดินผ่านฉันไป
วิ้ว... ฉันรู้สึกถึงสายลมพัดผ่าน และมวลอากาศที่เคลื่อนไหวที่ข้างกาย...
แล้วฉันเหลียวหลังมองตามชายสง่างามในเสื้อนอกสีดำสนิทนั้นไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ฉันเหลียวหลังหัวใจของฉันสั่นไหว...
...ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร...

ฉันนั่งลงในห้องปฐมนิเทศเมื่อถึงเวลาแปดโมงตรง นักศึกษาชายเดินคุยกันเข้ามาในห้อง แล้วทั้งที่ก้มหน้าอยู่กับหนังสือที่ไม่ได้อ่าน หูของฉันกลับได้ยินเสียงหนึ่งที่ทุ้มและดังปานกลางจากข้างหลัง ความรู้สึกบางอย่างทำให้ฉันเชื่อว่าอาจจะเป็นเสียงของเขาคนนั้น
แล้วเมื่อทำหน้านิ่งและหันไปก็เห็นว่าเป็นเขาจริงๆ ชายผมสีดำตาสีฟ้านั่งลงที่เก้าอี้ด้านหลังฉันพร้อมกับเพื่อนของเขา ฉันแปลกใจที่ที่ได้รู้ว่าเขาอยู่ชั้นปีเดียวกับฉัน
“เทอมปีสามของเรามีเพื่อนใหม่ เชิญนักศึกษาใหม่ออกมาแนะนำตัวด้วยครับ” อาจารย์หน้าห้องเรียกฉัน
“อ๊ะ...เอ่อ..ค่ะ” ฉันลุกออกไปยืนข้างหน้า ก่อนจะแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสไตล์แคนาดา
 “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อวิกกี้ วัตสัน มาจากโทรอนโตค่ะ”
 “สวัสดีครับ” นักศึกษาชายทั้งห้องทักตอบเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเดียวกับฉันอย่างเป็นมิตร พวกเขายิ้มกว้าง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันยิ้มตอบพวกเขาได้เลย เพราะทั้งห้องนั้นมีแต่นักศึกษาชาย
ใช่แล้ว นัก-ศึกษา-ชาย-ทั้ง-ห้อง และนั่นหมายความว่าไม่มีผู้หญิงเรียนในชั้นปีนี้ หัวใจของฉันตกไปอยู่ที่เท้าด้วยความตกใจ ไม่จริงใช่ไหม? ไม่!
แล้วนักเรียนชายตาสีฟ้าผมสีดำคนนั้นก็มองมาที่ฉัน
เวลาของฉันเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะเพราะดวงตาคู่นั้น แต่แล้วนาฬิกาในตัวฉันก็กลับมาเดินช้าๆ เขาไม่ได้มองฉันเพราะสนใจเป็นพิเศษเสียหน่อย เขาก็แค่มองเพื่อนใหม่ที่ยืนพูดคนเดียวอยู่หน้าห้องเหมือนที่เพื่อนทุกคนในชั้นปีกำลังทำเท่านั้น ที่สำคัญดวงตาสีฟ้าของเขาเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะซึมซับภาพที่เห็นเข้าไปในสมองหรือหัวใจเลย ต่างจากแววตาของเพื่อนชายหน้าตาดีข้างๆ วินาทีนั้นเป็นอีกครั้งที่หมอนั่นมองฉันด้วยสายตาแปลกที่แฝงความดุดัน
และไม่ว่าจะเพราะอะไรฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้น! ไม่ชอบเลย!

หลังเลิกเรียนฉันวิ่งหอบแฮ่กๆ ตามอาจารย์ที่ปรึกษาขายาวไป
“มิสเตอร์มายฮิลล์คะ”
“เป็นไง สบายดีเหรอวิคกี้”
“ปีสามมีนักศึกษาหญิงคนอื่นอีกหรือเปล่าคะ วันนี้หนูยังไม่เจอสักคนเลยค่ะ”
“อืม ดูเหมือนจะไม่มีนะ”
“แล้วปีอื่นล่ะคะ? ”
“ไม่มีหรอก”
“อะ..อะ...อะไรนะคะ!? ทำไมล่ะคะ!?
อาจารย์ยิ้มกว้าง “ยินดีด้วยนะวิคกี้ เธอเป็นนักศึกษาหญิงคนแรกและคนเดียวของวิทยาลัยนี้”
“แต่ที่นี่เปลี่ยนจากวิทยาลัยชายล้วนเป็นวิทยาลัยสหะได้สองสามปีแล้วไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมเป็นแบบนี้ฉันร้องเสียงหลง
“ก็เราไม่มีนักศึกษาหญิงมาสมัครเลยนี่ ช่วยไม่ได้ สงสัยยังไม่ค่อยมีคนรู้ข่าว เมืองของเราก็เล็กแค่นี้“
แล้วมิสเตอร์มายฮิลล์ก็ตบไหล่ฉันดังตุบๆ “ไม่เป็นไรหรอกน่า เธอต้องอยู่ได้ มาเป็นนักศึกษาหญิงคนแรกของที่นี่เถอะนะ” แล้วอาจารย์ขายาวก็ยิ้มก่อนจะเดินตัวปลิวจากไป
“และขอให้ภูมิใจที่ได้อยู่ในวิทยาลัยที่งดงามแห่งนี้ เข้มแข็งไว้ แล้วก็อย่าลาออกเสียล่ะวิคกี้”

หลังจากมิสเตอร์มายฮิลล์เดินลับไปฉันก็ไหล่ตก ฉันเดินกลับบ้านด้วยอาการลากขา รู้สึกเหมือนอยู่ๆ แม้แต่ขาเรียวๆ ของตัวเองก็กลายเป็นภาระขึ้นมา แต่ที่สำคัญฉันประหม่าสายตาห้าร้อยคู่ของนักศึกษาชายที่นี่มาตั้งแต่เช้าแล้ว ดวงตากลมแป๋วพวกนั้นมองฉันเหมือนเป็ตัวประหลาด
“หยุดมองเสียทีสิยะ!” ฉันเกือบจะพูดแบบนั้น แต่กลับแค่ยิ้มแห้งๆ เพื่อที่จะเดินตัวลีบออกมา “แหะ แหะ หวัดดีจ้า”
ฉันรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาไฟออกจากอกเมื่อลากขามาถึงประตูทางออกของอาคาร
กึก...
ฉันชะงัก สันหลังเย็นวาบเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินตามฉันมา แล้วเมื่อเหลียวข้างเก้าสิบเก้าองศาหางตาหางตาของฉันก็ปะทะเข้ากับร่างสูงไร้สุ้มเสียงด้านหลัง เขาคือนักศึกษาชายหน้าหล่อมาดเข้มเหมือนกาแฟดำไม่ใส่ครีมและน้ำตาลที่เป็นเพื่อนของนักศึกษาชายผมสีดำตาสีฟ้าคนนั้น และถึงจะผ่านมาเกินครึ่งวันแล้วเขาก็ยังมองฉันด้วยสายตาดุดันและไม่เป็นมิตรอยู่ดี
ที่สำคัญตรงนี้มีแต่ฉันกับเขา เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถจะร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย! ฉันเริ่มเหงื่อแตก สับสน กังวล ปอดแหกกับคนโรคจิตขึ้นมาจับใจ!
ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเดินตามฉันมาทำไม!