protect copy

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Vampire and I ซากุระในสายฝน : บทนำ Dark Rain





 

   ฝนตกหนักอีกแล้ว เหมือนฟากฟ้ากำลังร่ำไห้ไม่หยุด สายฝนเม็ดหนักตกกระหน่ำจนอำพรางแสงไฟส่องทางหมดสิ้น

...มืดหม่นราวกับเวลาที่เราร้องไห้และหลับตา...

กึก

ชายร่างสูงหยุดฝีเท้ากลางทางเดินที่ไร้ผู้คน มือสีขาวประดับนิ้วเรียวยาวกำร่มสีดำนิ่งค้าง เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับภาพวาดที่งดงาม ทว่าเป็นภาพวาดในความเงียบของมุมของผนังที่แสงแดดกำลังจะหมดไป ใบหน้าคมคายไร้ที่ตินั้นไม่เคยยิ้มเลย

และเวลานี้ดวงตาคมเข้มสีดำสนิทราวกับอากาศมืดและหนักรอบข้างกำลังจ้องมองฝ่าสีดำแห่งยามวิกาลและม่านฝนไปที่กำแพงสีเทาทึมเบื้องหน้า

ข้างกำแพงนั้นมีร่างหญิงสาวคนหนึ่งหมดสติอยู่ ดูราวกับซากุระบอบบางที่ถูกลมฝนปลิดลงมาจากต้น

   “เป็นอะไรรึเปล่า” เขาพยุงร่างสีขาวราวกับไม่เคยถูกแดดของเธอไว้  “ฉันจะพาไปหาหมอ”

   “ไม่ อย่าทำแบบนั้นนะ” เธอร้อง “ข้อร้องล่ะ”

แล้วเธอก็หมดสติไปอีก

ชายหนุ่มวางร่างไร้สติของเธอลงบนเตียงนอนของเขา แว่วเสียงฝนตกกระหน่ำจากข้างนอกตัดกับความเงียบในห้อง เขานิ่งมองหญิงสาวปริศนาที่อยู่ตรงหน้า หยาดฝนจากเส้นผมของเขาหยดลงใบหน้าที่สวยเหมือนตุ๊กตาของเธอ ทว่าเป็นตุ๊กตาที่คล้ายถูกทอดทิ้งและหลับไปทั้งที่ยังร้องไห้ เส้นผมสีดำยาวของเธอเปียกไปหมด

แล้วดวงตาที่งดงามราวกับค่ำคืนของเขาเคลื่อนไปที่ริมฝีปากซีดของเธอ มองเลยต่ำลงไป...ที่ซึ่งเขาเคลื่อนมือไปปลดกระดุมเม็ดแรกบนร่างของเธอ

เขาทำความสะอาดเธอในอ่างอาบน้ำ แผ่นหลังของเธอสัมผัสกับหัวใจของเขา แล้วเขาวางร่างที่ราวกับตุ๊กตางดงามไร้ที่ตินั้นลงบนเตียงเดิม ผิวสีขาวจัดมีเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวยาวของเขาคลุมไว้  แสงไฟสีฟ้าเปลี่ยวเหงาจากหน้าต่างฉาบเสี้ยวหน้าสวยหวานของเธอไว้เมื่อเขาปิดไฟ

แล้วชายเจ้าของห้องก็ย้ายตัวไปนอนที่โซฟาอีกฟากของห้องก่อนจะหลับตาลง



แสงแดดอ่อนจากฟ้ายามเช้าสีเทาครึ้มสาดเข้ามาทางหน้าต่าง ชายหนุ่มลุกขึ้นและพบว่าหญิงสาวในเสื้อเชิ้ตของเขายังหลับอยู่ เขาเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินกลับออกมาในชุดนักศึกษา เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ ไว้ให้คนที่ยังไม่ตื่น นิ่งมองเธอชั่วครู่ก่อนจะออกจากห้องไป

วันนี้วิหารคาธอลิกขนาดใหญ่ระหว่างทางไปวิทยาลัยของเขาดูมืดเป็นพิเศษในโค้งฟ้าครึ้ม รูปสลักเทวทูตที่ตั้งเรียงรายดูหม่นเศร้าในสายฝนบางเบา และรูปสลักของอัครสาวกที่แบกไม้กางเขนดูหดหู่อย่างอธิบายไม่ได้

ราวกับบางเวลาสายฝนก็ทำให้ทุกอย่างเทาทึมไป...และราวกับแสงสว่างได้ทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้ไปแล้ว...

...แว่วเสียงฝีเท้าคู่เล็กที่วิ่งใกล้เข้ามาเมื่อเขาหลับตา มันเป็นเสียงฝีเท้าในวัยเด็กของเขาเองที่วิ่งผ่านที่นี่อยู่เสมอ มองเข้าไปด้วยความอยากรู้ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเข้าไป แล้วเสียงอ่อนโยนของแม่ก็เรียกเขาไว้ ใบหน้ากลมๆ ยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งตามแม่ไป

...นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่หญิงผู้นั้นเรียกเขา ก่อนที่วันต่อๆ มาจะเหลือเสียงฝีเท้าของเขาอยู่เพียงคู่เดียว เสียงฝีเท้าที่ช้าลง เท้าที่ใหญ่ขึ้น และร่างที่สูงขึ้น...

แล้วเสียงกับภาพในอดีตก็เลือนวับไปเมื่อเขาลืมตาขึ้นจากความทรงจำและออกเดินต่อ

เขาผ่านวิหารนี้อีกครั้งในตอนค่ำ เร่งฝีเท้าผ่านไปอย่างเร็วเพื่อเปิดประตูห้องพัก ผู้หญิงที่ดูราวกับกลีบดอกซากุระคนนั้นยังหลับอยู่ที่เดิม และเขาก็นั่งรอที่ข้างร่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ไม่นานเขาก็เห็นดวงตากลมโตสีดำสนิทของเธอเป็นครั้งแรก ดวงตานั้นดูราวกับอัญมณีสีดำ

“ตื่นแล้วเหรอ”

หญิงสาวกระพริบตาเมื่อได้ยินเสียงทัก

“เธอหลับมาถึงเย็นของอีกวันหนึ่งเลยนะ”

ร่างบนเตียงสะดุ้งแผ่วแล้วลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ห้องพักขนาดกลางของชายที่ช่วยเธอไว้ ห้องนี้สะอาดเรียบร้อย ดูรู้ว่าเป็นห้องของผู้ชายที่อยู่คนเดียว และที่ระเบียงมีชุดที่ซักสะอาดแล้วของเธอตากไว้

แล้วดวงตากลมโตสีดำก็ลากกลับมาที่ใบหน้าคมคายเพราะเสียงของเขา

“ฉันชื่อไซโตะ แล้วเธอล่ะ ?”

แต่เธอกลับก้มมองเสื้อของเขาที่อยู่บนร่างเธอและไม่ตอบอะไร

“ฉันไม่ชอบถามซ้ำนะ”

เมื่อเธอเอาแต่นิ่ง เขาก็เดินเลยไปเตรียมอาหารสำหรับสองคนจนเสร็จและนำมาวางบนโต๊ะ

“ไม่กินหรือไง ?”

เธอส่ายหน้า เขาก็เลยกินคนเดียว

แล้วความมืดสีน้ำเงินเข้มก็โรยตัวลงมาจากฟ้าสูง เวลาที่เมืองหลับใหลเดินทางมาถึงอีกครั้ง ไซโตะดับไฟ ทิ้งร่างลงนอนบนโซฟา มีแต่ความเงียบระหว่างไซโตะและหญิงสาวแปลกหน้า

แล้วเธอก็นั่งลงบนเตียงบ้าง เอนตัวลง นิ่งมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอรู้จักแค่ชื่อ...ชายเจ้าของใบหน้าที่ราวกับเจ้าชายปริศนา ก่อนจะหลับตา

ผ่านไปอีกหนึ่งคืน

รุ่งเช้าไซโตะเห็นว่าเธอตื่นแล้วและกำลังยืนเหม่อมองหน้าต่างที่แทบไร้แสง เขาเดินเข้าห้องน้ำไปและกลับออกมาใหม่ในชุดนักศึกษา

“ฉันต้องไปแล้ว วันนี้ฉันมีเรียน” เขากลัดกระดุมและผูกเน็คไท เหลือบมองอาหารเช้าที่วางไว้ให้หญิงสาวเมื่อครู่ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลย “เธอก็ควรจะไปเรียนเหมือนกัน”

แต่ร่างเหมือนตุ๊กตานั้นแค่หันกลับมา

“เธอไม่ต้องไปเรียนรึไง ?”

เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ไปเรียน”

“แล้วจะกลับบ้านมั้ย ?”

เธอนิ่งไป ก้มหน้า “ฉันไม่มีบ้าน”

แล้วร่างที่ดูเหมือนตุ๊กตาที่กำลังหนาวก็ลุกเดินไปทางประตู

“จะไปไหน” เขาถาม

ทว่าเธอเหม่อมองหน้าต่างด้วยสายตาปริร้าว  “ไม่รู้สิ”

“ไซโตะ ขอบใจนะ” เธอเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกหลังจากนิ่งไป 

แล้วเธอก็จับลูกบิดประตู แต่ไซโตะแทรกร่างเข้าไปขวางประตูไว้ เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มเสมองไปอีกทาง “ถ้าไม่มีที่ไป จะอยู่ที่นี่กับฉันก็ได้”

แล้วไซโตะนิ่งไปอีก ที่นี่มีแต่เขา และไม่เคยมีใครอื่น ความเงียบโอบล้อมเขาและเธอเอาไว้ ก่อนที่ไซโตะจะทำลายมันด้วยการสะพายกระเป๋า

“แล้วอย่าไปไหนล่ะ จนกว่าฉันจะกลับมา”

ประตูปิดลง



เย็นแล้ว ไซโตะเดินผ่านวิหารในสายฝนบางเบาอีกครั้งระหว่างทางกลับที่พัก

“กลับมานะ” เสียงร้องดังขึ้นจากในอาคารหนึ่งของวิหารเพื่อเรียกเด็กหญิงตัวน้อยที่วิ่งออกมาที่รั้ว “ฝนตก กลับมาเร็วจ้ะ”

แต่เด็กหญิงวิ่งมาถึงรั้วเหล็กที่คั่นระหว่างเธอและไซโตะแล้ว

“หนูชื่อยูกะ” เด็กน้อยยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสดใสดูเป็นประกายแม้แต่เวลาที่ฟ้าครึ้ม เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ผูกเป็นหางม้าขยับขึ้นลงอย่างสดใสเมื่อเธอถามกลับ “พี่ล่ะ”

ไซโตะเพียงยิ้มจาง

“กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้นะยูกะ”

แล้วเด็กน้อยก็วิ่งกลับไปตามเสียงเรียกของแม่

ไซโตะเดินผ่านห้าง ที่วินโดว์ดิสเพลย์มีชุดผู้หญิงสวยน่ารักหลายตัว แล้วเขาก็เดินเข้าไป

หญิงสาวมองถุงช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยชุดและของใช้จำเป็นสำหรับเธอเมื่อเขาวางมันลงบนเตียงในห้องพัก

“นี่...”

“สำหรับเธอ” เขาบอก  “เธอน่าจะจัดการตัวเองให้สะอาดเรียบร้อยได้แล้ว”

แล้วหญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดใหม่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอนที่เขาถามหลังจากมองเธอนิ่งนาน “จะบอกได้รึยังว่าเธอชื่ออะไร”

เธอนิ่งไป แล้วอีกครู่หนึ่งก็เหม่อมองหน้าต่าง “อย่าใส่ใจเลย มันไม่สำคัญหรอก”

“ถ้าไม่บอกฉันเดาก็ได้ ไอดะ โอดะ...” ดูเหมือนเขาอาจจะไล่นามสกุลทั้งหมดในสมุดโทรศัพท์ออกมา

“นานะ” ในที่สุดเธอบอกออกไป ดวงตาสีดำที่เหม่อมองหน้าต่างลากมาจ้องมองเขา มันน่าแปลกที่เธอมีเส้นผมสีดำสนิทเหมือนกันกับเขา และดวงตาสีเดียวกับเขา... “ฉันชื่อนานะ”

“...”

“มันหมายถึงเลขเจ็ด วันที่เจ็ด วันที่พระเจ้าทรงหยุดพักยังไงล่ะ”



นานะบอกชื่อตัวเองกับเขาไปแล้ว เธอไม่ได้เจอผู้ชายที่หน้าตาน่ามองและใจดีแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ถึงเขาจะแนะนำตัวว่าชื่อไซโตะ แต่เขาก็ยังเป็นคนแปลกหน้า เขาถามเธอว่าเธอจะกินข้าวเย็นไหม แต่เธอบอกว่าไม่เป็นไร

“เธอไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้วนะ”

“อย่าห่วงเลย ไม่ต้องดูแลฉันอย่างดีหรอก” นานะบอก “นึกซะว่าฉันเป็นแค่เงาอะไรซักอย่างในห้องก็ได้”

“ทำไมพูดเหมือนตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย” ไซโตะถามเสียงเรียบ “ทำไมทำเหมือนไม่มีอะไรสำคัญซักอย่าง”

“นั่นสินะ” เธอยิ้มเศร้า “บางทีฉันอาจจะแค่เกิดมาเพื่อมองไปนอกหน้าต่างก็ได้”

และที่นอกหน้าต่างนั้น...นานะมองไปอีกแล้ว ทำไมนะเธอถึงอยู่ไกลแสนไกลจากที่นั่นเหลือเกิน

“มีอะไรนอกหน้าต่าง” ไซโตะถาม

“อย่าใส่ใจมันเลย ไซโตะ”



ไฟห้องดับลงแล้ว คงเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนเห็นจะได้

นานะลุกขึ้นจากเตียง แสงไฟสีฟ้านอกหน้าต่างสาดเข้ามาพร้อมกับความคิดถึงที่มากจนอธิบายไม่ได้ แสงหม่นเหงาฉาบใบหน้างดงามราวรูปสลักของไซโตะเสี้ยวหนึ่งเมื่อเธอเดินไปนั่งลงที่ข้างร่างของเขา และเหม่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาจนเกินไป

ดวงตาที่ปิดอยู่...ขนตาหนาเป็นแพงดงามจนผู้หญิงอิจฉา...และริมฝีปากบาง...

 ลำคอของไซโตะสะท้อนแสงจากหน้าต่างเมื่อเธอโน้มใบหน้าลงไป

...ริมฝีปากของเธอเกือบสัมผัสลำคออุ่นนั้น









รีดเดอร์ที่สนใจ “Vampire and I : ซากุระในสายฝน” ฉบับพ็อคเก็ตบุ๊คสามารถโอนเงินค่าหนังสือ 179 บาทพร้อมค่าจัดส่งทั่วประเทศ 30 บาทรวม 209 บาทมาได้ที่บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาบิ๊กซีหางดง 2 เลขที่บัญชี 406-387614-3 เอื้องอลิน จึงสกุลรุจิเรข แล้วส่งหลักฐานการโอนพร้อมชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งมาที่อินบ๊อกซ์ www.facebook.com/daydreamfiction หรือ Line id: Ung-alin ขอบคุณค่ะ ^^