protect copy

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Fire and Salt บทที่ 1 The Obsidian Eyes







เวลาเย็นมาถึงแล้ว ขอบฟ้าริมทะเลกว้างแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอมทองราวกับเปลวไฟ และเมื่อมองจากสระน้ำของโรงแรมที่ตั้งอยู่ชิดหาดก็ทำให้หลงใหลจนยากจะถอนตัวได้
 แล้วอยู่ๆ ระหว่างที่เราว่ายน้ำเล่นอยู่ในสระแอนก็ว่ายไปชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้า
“โอ๊ย” เธองอแงทันที
“ขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่เห็นคุณเลย แย่จัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ...” แอนนิ่งค้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายที่ชนเธอ ดูจากแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อก็รู้ทันทีว่าเธอประหม่าสุดขีด นั่นก็เพราะผู้ชายที่กำลังขอโทษเธอด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งเป็นผู้ชายร่างสูงที่หน้าตาดีทีเดียว บางทีเขาอาจจะเป็นนายแบบก็ได้ และน่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่งเพราะเขาพูดภาษาอังกฤษและมีผิวที่ออกจะขาวสว่าง
“ผมชื่อไรอัน” ชายร่างสูงแนะนำตัว ยิ้มกว้างที่สดใสมีเสน่ห์ของเขาทำให้แอนหายเจ็บและเลิกถูมือกับลูกโนๆ บนหน้าผากทันที และฉันก็รู้อีกนั่นล่ะว่าทำไมแอนถึงไม่เจ็บทั้งที่ถูกชนแรงขนาดนี้
 “ฉันชื่อแอนค่ะ แล้วนี่เพื่อนฉันชื่ออัยย์” แอนแนะนำตัวเองและฉันที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ผมเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษครับ แต่โตที่อังกฤษและอยู่ที่นั่นมาตลอด ช่วงนี้ว่างก็เลยมาเที่ยวเมืองไทยกับเพื่อน” เขาเล่าอย่างร่าเริงด้วยภาษาอังกฤษ “ รู้ไหมว่าผมมีเพื่อนคนไทยน้อยมาก ทำให้ผมรู้สึกอายที่พูดภาษาไทยไม่ได้ทั้งที่มีเชื้อไทย บางทีถ้าผมมีเพื่อนคนไทยมากขึ้นผมอาจจะหัดภาษาไทยได้ แต่เฮ้อ...ไม่รู้จะมีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนที่พูดภาษาไทยไม่ได้เรื่องอย่างผมบ้างไหม...”
เมื่อไรอันพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารขนาดนี้แอนก็น้ำตาคลอและรีบปลอบใจเขาเหมือนเขากำลังจะตาย เธอสอนภาษาไทยให้เขาด้วย ไม่นานแอนกับเพื่อนใหม่ก็คุยกันสนุกสนานถูกคอด้วยภาษาอังกฤษปนไทย จากนั้นพวกเขาก็สนิทกันจนเริ่มสาดน้ำใส่คนตรงข้าม แล้วเมื่อน้ำกระเซ็นมาถูกฉัน ฉันก็สาดน้ำใส่พวกเขาบ้าง 
ไปๆ มาๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแอนกับไรอันถึงมีเรื่องสนุกให้คุยกันได้ไม่หยุด พักใหญ่หลังจากคุยราวกับเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาหลายปีไรอันก็พูดขึ้น แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนคำแทนตัวเองจาก ผมมาเป็น ฉันแล้ว
“เธอไม่มีวันรู้หรอกว่าฉันอยากมีเพื่อนคนไทยมากแค่ไหน แอนกับอัยย์คุยสนุกดีนะ ใจดีด้วย ฉันไม่ได้คุยกับใครสนุกๆ แบบนี้มานานแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้เราไปรวมแก๊งกันดีกว่าไหม? ”




“รวมแก๊งเหรอ? ” แอนประหลาดใจ
“ใช่ ไปเจอเพื่อนๆ ของฉัน ในทริปนี้พวกเราวางแผนทำกิจกรรมสนุกๆ ไว้หลายอย่าง พวกเราเป็นกลุ่มที่เป็นกันเองมาก พวกเธอจะต้องชอบแน่  ไปด้วยกันนะ”
“โอเค ก็ได้ นี่เพราะนายชวนหรอกนะ” แอนตอบตกลงทันที เธอมีนิสัยน่ารักกว่าฉันอยู่อย่างคือเข้ากับเพื่อนใหม่ง่าย เธอเริ่มสนิทกับไรอันขนาดที่ระหว่างทางเขาคุยว่าจะไปเที่ยวบ้านเธอ และถ้าแอนกับฉันไปอังกฤษเขาจะเปิดบ้านเช่าว่างให้เราพักฟรี ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่น่ารักและใจดีขนาดนี้
สักพักไรอันก็พาพวกเรามาถึงสระน้ำอีกฟาก ริมน้ำสีเทอร์ควอยส์ที่กำลังเรืองแสงในความมืดราวกับอัญมณีนั้นกลุ่มเพื่อนของเขากำลังนั่งเล่นกันอยู่ และ
เป็นไปไม่ได้น่า...
ถึงจะไม่อยากเชื่อแต่หนึ่งในเพื่อนของไรอันที่หันมาหาพวกเราก็ทำให้ฉันหุบยิ้มได้ในทันที ฉันจำร่างสูงที่โดดเด่นนั้นได้ถึงจะเห็นแค่เสี้ยวข้าง ก็ฉันเพิ่งจะสบประสาทเขาทั้งด้วยคำพูดและสายตาไปเมื่อช่วงบ่ายนี่ แล้วฉันก็คงทำตัวไม่ถูกหากไรอันจะแนะนำฉันให้รู้จักกับคนที่เพิ่งมีเรื่องกัน
“เฮ้ อเล็กซ์” ไรอันร้องเรียกเขาและเพื่อนคนอื่น “เฮ้ ทุกคน” 
ดวงตาคมเข้มสีออบซิเดียนปรายมองมาเมื่อได้ยินเสียงของไรอัน ฉันไม่อยากเจอเขาสักหน่อย ทำไมคนที่ทั้งใจดีและร่าเริงอย่างไรอันถึงมีเพื่อนที่เย่อหยิ่งและเย็นชาแบบนี้ได้นะ!?
“ฉันพาเพื่อนใหม่มาแนะนำ นี่แอน นี่อัยย์” ไรอันแนะนำเราก่อนจะแนะนำอีกฝ่าย “แอน อัยย์ สองคนนี้คือเพื่อนของฉัน อเล็กซ์กับเลอาห์”
ทันทีที่ไรอันแนะนำชื่อของฉัน ดวงตาสีออบซิเดียนดำสนิทก็ลากมาจับจ้องและราวกับตรึงล็อคร่างของฉัน นิ่งแข็ง เยือกเย็น และขุ่นเคืองในความเงียบงัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจำเรื่องเมื่อบ่ายนี้ได้ และเขาเกลียดฉัน
“ไฮ”  เพื่อนๆ ของไรอันทักเรา มีแค่อเล็กซ์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ทักทาย เขาแค่ดูเหยียดหยามและรำคาญจนต้องลากสายตาเลยไปมองที่อื่นราวกับพวกเราเป็นแค่เงาหรือกรวดทราย ไม่ผิดเลยที่ในวงการแฟชั่นลือกันว่าเขาทั้งหยิ่งและเย็นชา ถึงฉันจะผิดเองที่ดูถูกเขาก่อนแต่ก็ช่วยไม่ได้ แต่ว่าที่จริงคนไร้สาระอย่างฉันก็มีประโยชน์กับโลกนี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะฉันคอยช่วยทำให้พวกคนดังไม่หลงตัวเองจนเกินไป  
เพราะฉะนั้นฉันจะเป็นเพื่อนกับนายแบบนางแบบไปทำไม? ฉันได้แต่แอบคิดว่าจะปลีกตัวไปตอนนี้ได้ไหม ขณะนั้นเองเลอาห์ก็เอ่ยทักทายพวกเราด้วยรอยยิ้มสวยหวาน “สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก”
เอ๋...? แปลกทีเดียว เลอาห์ไม่ได้หยิ่งใส่พวกเราอย่างที่ฉันระแวงไว้...บางทีอาจมีอเล็กซ์คนเดียวที่นิสัยแย่ก็ได้
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ” ฉันกับแอนรีบตอบ อา...เมื่อได้เห็นตัวจริงใกล้ๆ ฉันก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเลอาห์ถึงก้าวขึ้นมาเป็นนางแบบระดับท็อปคลาสได้ในเวลาไม่นาน ด้วยใบหน้าแบบลูกครึ่งที่โดดเด่นของเธอ รอยยิ้มที่มองแล้วราวกับตกอยู่ในมนตรา ไหนจะรูปร่างได้สัดส่วนและเอวที่เล็กบางอย่างไร้ที่ตินั่นอีก ที่สำคัญดูเธอจะเป็นกันเองและเข้ากับคนง่ายอย่างเหลือเชื่อ
ต่อมาไรอันก็แนะนำเพื่อนสองคนสุดท้ายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กันให้ฉันกับแอนรู้จัก “แล้วนี่ลูก้ากับโรเซีย เป็นแฟนกัน”
“ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉันกับแอนพูดแทบจะพร้อมกัน ต่างก็นิ่งอึ้งไป ฉันไม่เคยเห็นสองคนนี้ตามหน้าแมกกาซีนมาก่อน ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ดังแต่คงเพราะฉันอ่านแมกกาซีนน้อยไป ดูก็รู้ว่าพวกเขาเป็นนายแบบและนางแบบชั้นนำ การมองพวกเขาทำให้ฉันเหมือนตกอยู่ในความฝัน และแอนเองก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน เหมือนราวกับกำลังมองภาพวาดแสนสวยที่แสนล้ำค่า และนั่นก็เพราะความงดงามอย่างไร้ที่ติของพวกเขา
“สวัสดีจ้ะอัยย์กับแอนน์” โรเซียส่งยิ้มให้พวกเรา และรอยยิ้มของเธอก็งดงามราวกับไม่ใช่ความจริง ในขณะที่โรเซียดูไร้ที่ติราวกับเจ้าหญิงลูก้าก็ดูราวกับเจ้าชายฝาแฝดที่แสนจะสง่างามของเธอ อาจจริงอย่างที่ใครบางคนกล่าวไว้ว่าคนที่เป็นเนื้อคู่กันจะหน้าตาเหมือนกัน  โรเซียมีดวงตาสีน้ำตาลเจือแดงราวกับท้องฟ้าในเวลาทไวไลท์ เส้นผมยาวหยักเป็นลอนหนาสีเดียวกัน ส่วนลูก้าเป็นผู้ชายหน้าสวยที่ดูหล่อเหลาสุดขีดอย่างไร้ข้อกังขา รูปร่างไร้ที่ติ และหน้าตาก็คมคายยิ่งกว่าภาพวาดเสียอีก ที่สำคัญสองคนนี้ดูใจกว้างและน่าคบพอๆ กับไรอันเลยทีเดียว
“ฉันอยากชวนอัยย์กับแอนไปเที่ยวกับเรา พวกเราจะได้มีเพื่อนคนไทยเพิ่มขึ้น” ไรอันบอกเพื่อนๆ ของเขา เลอาห์ ลูก้าและโรเซียยิ้มร่าเริงเมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น ผิดกันลิบลับกับอเล็กซ์ที่ยืนอยู่ติดๆ กัน คนอันตรายคนนั้นไม่ได้ยิ้มง่ายเหมือนเพื่อนคนอื่นของเขาเลยสักนิด เจ้าของใบหน้าราวกับรูปสลักเวลานี้ดูมึนตึงและเย็นชาเมื่อเอ่ยถามไรอันอย่างไม่ไว้หน้า
“ไรอัน นายยังไม่ได้ถามฉันเลยว่าฉันอยากมีเพื่อนใหม่หรือเปล่า”
เขาหยาบคายกว่าที่ฉันคิดไว้ บางทีเขาอาจนิสัยแย่กว่าที่ฉันเคยได้ยินมาก็ได้
“อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะอเล็กซ์” ไรอันใบหน้าซีดเผือดลงเมื่อเห็นสายตาดุดันของเพื่อนสนิท “โทษที ฉันไม่นึกว่านายจะหงุดหงิด ก็เห็นทุกทีนายออกจะตามใจฉันตลอด ไม่นึกว่าเรื่องแค่นี้...”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะไม่พอใจ พวกเราผิดเองที่เดินตามไรอันมา” แอนรีบช่วยไรอันแก้ตัว ดูเดือดร้อนสุดขีดทีเดียวที่ทำให้อเล็กซ์อารมณ์เสีย “ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ ขอให้พวกคุณสนุกกันมากๆ ก็แล้วกัน พวกเราไปก่อนนะคะ”
แต่แล้วทันทีที่แอนลากมือฉันเพื่อวิ่งออกไปจากที่นั่นอเล็กซ์ก็พูดขึ้น “เดี๋ยวสิครับ กับคุณผมไม่มีปัญหาหรือรังเกียจอะไร”
แอนชะงักฝีเท้าด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะปรากฏสีแดงจัดบนใบหน้าและแผ่ไปทั่วทั้งตัวเธอเมื่ออเล็กซ์หยักยิ้มให้ และให้ตายสิ ฉันไม่ชอบเลยที่ยิ้มของเขามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจจนเพื่อนของฉันแทบจะละลาย
 “ผมแค่อยากให้ไรอันถามผมก่อนทุกเรื่องเท่านั้น เขารู้ดีว่าผมไม่ใช่คนที่เข้ากับใครง่ายๆ” แล้วอเล็กซ์ก็กราดมองไรอันด้วยสายตานิ่งแข็งที่ทำให้คนถูกมองได้แต่ยิ้มแห้งๆ “นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม? ”
“โอเคๆ ฉันผิดไปแล้ว โทษที”
เห็นได้ชัดเจนว่าอเล็กซ์มีบารมีพอจะเรียกตัวเองว่าหัวหน้าแก๊งหรือลูกพี่ของไรอันได้ ว่าแต่เขาพูดว่า กับคุณอย่างนั้นเหรอ? โอเค ฉันอาจจะคิดมากไปเอง แต่ฉันรู้สึกเหมือนอเล็กซ์ตั้งใจชวนแต่แอน เพราะเขาไม่ได้บอกว่า กับพวกคุณจริงไหม? บางทีเขาอาจจะหมายถึงให้แอนเข้าแก๊งและให้ฉันวิ่งกลับห้องไปก็ได้ แต่ฉันไม่ได้โทษอเล็กซ์เลย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากมายืนอยู่ตรงนี้ให้เขารำคาญตาเลย สาบานได้  
“นั่งสิ” อเล็กซ์ลุกขึ้นและดึงเก้าอี้มาเพิ่มข้างๆ เขาสองตัว คำเชิญของเขาทำให้แอนที่หน้าแดงอยู่แล้วหน้าแดงขึ้นไปอีก เธอดูน่าหวาดเสียวเหมือนลูกโป่งสีแดงแปร๊ดที่พร้อมจะแตกโพละเอาง่ายๆ อีกพักใหญ่กว่าเธอจะหายเขินอเล็กซ์และกล้าจ่อมตัวลงบนเก้าอี้
“นั่งสิอัยย์” ไรอันชวนฉันเมื่อเห็นฉันยืนเก้ๆ กังๆ แถมยังทำตัวเหมือนจะหนีกลับห้องด้วยซ้ำ
“ฉันอยากจะกลับไปห้องก่อนน่ะ” ฉันบอกไรอัน คิดว่าคงไม่สนุกแน่ที่จะมีเพื่อนใหม่เป็นอเล็กซ์ แวนครอฟ
“ไม่เอาน่าอัยย์ มาถึงนี่แล้วอยู่ๆ จะรีบกลับทำไม? ” ไรอันไม่ยอม
“ฉัน...”
“ปล่อยเธอกลับห้องไปเถอะถ้าหยิ่งขนาดนั้น” อเล็กซ์ขัดขึ้นด้วยคำพูดที่ทำให้ฉันเจ็บจี๊ดขึ้นมา ทำให้เพื่อนๆ หันไปตำหนิอเล็กซ์ที่ว่าฉัน
“ฉันไม่ได้หยิ่งนะ” ฉันรีบแก้ตัว “ฉันแค่...”
“ถือตัว” อเล็กซ์บอก
“เปล่า ฉันแค่...” เกลียดคนหยิ่ง...ฉันกำลังจะบอกแบบนั้น แต่คำแก้ตัวของฉันกลับเลือนหายไปเมื่อสายตาสงสัยของคนอื่นๆ จ้องมองมา
...เหมือนคำว่าหยิ่งกำลังย้อนกลับมาที่ตัวฉัน และทุกคนกำลังรอดูว่าฉันเป็นคนแบบนั้นจริงไหมถึงได้ไม่ยอมอยู่ที่นี่... แต่ฉันไม่ใช่คนหยิ่งสักหน่อย ฉันเกลียดคนแบบนั้นจะตาย เพราะฉะนั้นฉันจะพิสูจน์ให้ดูก็ได้!
ฟึ่บ ฉันนั่งลง แต่เพราะอเล็กซ์ลากเก้าอี้มาต่อข้างๆ ตัวเขาในขณะที่แอนเลือกนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับไรอัน ฉันก็เลยต้องนั่งข้างอเล็กซ์ บางอย่างทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังจะโชคร้าย
“ชื่ออัยย์? ” อยู่ๆ อเล็กซ์ก็ถามฉันด้วยเสียงสั้นห้วน  ดวงตาคมเข้มไม่ได้มองฉันทว่ามองตรงไปยังกลุ่มเพื่อนที่กำลังคุยกันราวกับไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าฉัน
“ใช่” ฉันตอบโดยไม่มองเขาเช่นกัน สายตาจับอยู่ที่กลุ่มเพื่อนของ
อเล็กซ์ที่กำลังพูดคุยกัน
“มาจากไหน? ”
“แถวๆ นี้” ในเมื่อเขาถามห้วนฉันก็ตอบห้วนได้ แต่ใบหน้าของอเล็กซ์ไม่ปรากฏรอยยิ้มเลย ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกไต่สวนความผิดที่ได้สบประมาทเขาลงไป
“พักกี่คืน? ” เขาถามอีก
“เจ็ด”
“กับใคร? ”
“กับแอน”
เขานิ่งไป
“มากันสองคน” ฉันบอกเพิ่ม
เขาเงียบไปอีกก่อนจะพูดสั้นๆ “โอเค”
ฉันกระพริบตาปริบๆ กับคำพูดที่ฟังสั้นจนไม่รู้เรื่องของอเล็กซ์ คำว่า “โอเค” ของเขาหมายถึงอะไร? เขาหมายถึงฉันมีฐานะพอจะอยู่ในระยะสิบเมตรข้างเขาได้โดยเขาไม่ต้องปัดฝุ่นบนเสื้อของตัวเองเหรอ? ใครจะรู้ แต่ก็ช่างเหอะ ฉันกับเขาคงไม่มีทางคุยกันได้ และเขาก็ดูเหมือนจะต้องพยายามมากจนรู้สึกขัดใจที่ต้องลดตัวลงมาคุยกับคนอย่างฉัน เขาถึงได้พูดจาห้วนสั้นแบบนั้น
แล้วอเล็กซ์ก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรฉันอีก ฉันก็เหมือนกัน มีแต่เพื่อนๆ ตรงหน้าเท่านั้นที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานต่อไป
เวลาผ่านไปราวสิบนาที พอนั่งฟังอเล็กซ์และเพื่อนของเขาคุยกันจริงๆ ฉันก็ต้องแปลกใจที่อเล็กซ์ไม่ได้เลวร้ายหรือเย็นชาอย่างที่ฉันคิดไว้ เขาออกจะมีเสน่ห์และใจดีกับเพื่อนด้วยซ้ำไป ท่าทางของอเล็กซ์ดูสบายๆ นอกจากนี้เขายังห่วงใยเพื่อนทุกคน ติดอยู่นิดหนึ่งว่าเขาออกจะเงียบไปสักหน่อยเท่านั้น และฉันประหลาดใจที่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าดุดันแบบที่ริมสระเมื่อบ่ายนี้ให้ฉันเห็นอีกเลย
จะว่าไปตอนนั้นฉันก็ทำตัวก้าวร้าวเกินไปเหมือนกัน ฉันใจร้อนตัดสินโทษเขาไปก่อนเพราะเห็นว่าเขาเป็นนายแบบชื่อดัง ส่วนแอนตอนนี้เธอกำลังหัวเราะคิกคักกับเพื่อนใหม่ทุกคนยกเว้นอเล็กซ์เหมือนรู้จักกันมาหลายปียังไงยังงั้น
 “พวกเราเป็นเพื่อนของอเล็กซ์ที่อังกฤษ แต่เพราะนานๆ ครั้งอเล็กซ์ถึงจะได้กลับมาเที่ยวเมืองไทยพวกเราก็เลยต้องฉวยโอกาสรีบตามมาเที่ยวด้วย” โรเซียเล่าให้แอนฟังเมื่อถูกถามว่าทำไมเธอกับลูก้าถึงมาอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ได้ และอเล็กซ์ที่ฟังอยู่ก็ร่วมบทสนทนาด้วยการมองเรานิ่งๆ พลางจิบเตกิล่าสีสวยด้วยท่าเอนหลังสบายๆ
เลอาห์มักอยู่เคียงข้างอเล็กซ์ เธอชอบเคลื่อนแขนเล็กบางไปโอบเหนือไหล่กว้างของเขา หรือไม่ก็ขยี้เส้นผมสีดำสนิทของเขาราวกับสัมผัสเล่นกับเส้นไหม นานๆ ครั้งเธอจะผละจากอเล็กซ์ไปที่สระเพื่อเล่นน้ำบ้าง และเมื่ออยู่ในห้วงน้ำสีฟ้าเรืองแสงเธอก็ดูราวกับเจ้าหญิงเงือกที่แสนจะน่าหลงใหล
“คนติดตามเพิ่มขึ้นอีกแล้วนะอเล็กซ์” อยู่ๆ ไรอันก็พูดขึ้นพลางยื่นโทรศัพท์ที่เปิดหน้าไอจีของอเล็กซ์ให้เจ้าตัวดู ก่อนจะถามต่อเมื่อเห็นว่า
อเล็กซ์ดูนิ่งเฉยกับยอดผู้ติดตามของตัวเอง “ได้เช็คไอจีมั่งหรือเปล่านายน่ะ? ”
“เช็คบ้าง” อเล็กซ์ตอบสั้นๆ น้ำเสียงราวกับไม่สนใจความป๊อปปูล่าร์ของตัวเอง
“ชอบหรือเปล่า? ” ไรอันถามอีก
“ไม่รู้สิ”
“ไม่รู้? ”
“มันไม่สำคัญหรอก”
คำตอบของเพื่อนทำให้ไรอันงุนงง หากแต่อเล็กซ์ไม่ใส่ใจปฏิกิริยาประหลาดใจนั้นสักนิด เขาปล่อยให้เพื่อนๆ ที่ยังตื่นเต้นกับไอจีของเขาส่งมือถือไปรอบๆ เพื่อแบ่งกันดู เมื่อแอนดูเสร็จด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นจนแทบหัวใจวายมือถือที่ประดับด้วยรูปของอเล็กซ์บนหน้าจอก็ถูกส่งต่อมาถึงฉันบ้าง
ฉันเลื่อนดูภาพของอเล็กซ์ตามมารยาท และถึงจะไม่อยากยอมรับเพราะไม่อยากทำให้เขาได้ใจ ทว่าแต่ละภาพของนายแบบอินเตอร์อย่างผู้ชายคนนี้ช่างดูไร้ที่ติจริงๆ ใบหน้าของเขาคมสวยน่ามอง การโพสต์ท่าก็สมบูรณ์แบบ ทุกรูปล้วนแต่หล่อเหลาและลงตัวอย่างยากจะอธิบายหรือละสายตาไปได้  เส้นผมและคิ้วสีดำสนิทกับผิวที่ขาวจัดของเขาดูจะเป็นคู่ตรงข้ามที่ผสานกันอย่างลงตัว เขาเป็นลูกครึ่งที่ถูกสร้างได้น่ามองที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่แล้วฉันก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง ภาพในไอจีของอเล็กซ์ไม่ปรากฏรอยยิ้มเลยแม้แต่ภาพเดียว มีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งที่ติดจะบึ้งตึง ถึงฉันจะรู้ดีว่านายแบบส่วนใหญ่ต้องโพสต์ท่าด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้กันอยู่แล้วก็ยังอดสงสัยไม่ได้ นายแบบหล่อเหลาที่เพียบพร้อมไปทุกเรื่องอย่างเขามีความสุขบ้างไหม...?
แล้วไรอันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “นายอ่านคอมเม้นต์ของนายบ้างหรือเปล่า นายมีผู้หญิงมาขอแต่งงานเป็นร้อยในโพสต์เดียวเลยนะ ทำไมไม่ตอบไปบ้างล่ะ? “
ทว่าอเล็กซ์ทำราวกับไม่ได้ยิน
“ดูสิ นางแบบด้วยกันยังมาขอนายแต่งงานเลย ถามจริงๆ เหอะ นายเคยอ่านคอมเม้นต์ของคนติดตามบ้างไหม? ”
อเล็กซ์ยังคงเฉยเมยหากแต่กลับเป็นเลอาห์ที่ร้อนใจ เธอรีบดึงแขน
อเล็กซ์ไปกอดและอ้อนอย่างหงุดหงิด “ไม่ต้องอ่านนะอเล็กซ์ บล็อคผู้หญิงพวกนั้นให้หมดเลย! ” หลังจากพูดอย่างขุ่นเคืองเธอก็หันไปหาเรื่องไรอันอย่างมาดร้าย “ไรอัน! อย่าหาเรื่องให้ฉันโมโหนะ!
 “กลัวแล้วจ้า ล้อเล่นเฉยๆ ฉันรู้หรอกน่าว่าเธอหวงอเล็กซ์แค่ไหน”
ไรอันหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะดึงโทรศัพท์ไปจากมือของฉันเพื่อเอาไปดูต่อ
แล้วไรอันถามอีก “แล้วบทสัมภาษณ์ที่แฟนคลับโพสต์ลงมาให้อ่านเมื่อวานนี้ใช่ที่นายให้สัมภาษณ์จริงเหรอ ยังไม่สนใจที่จะมีแฟน แล้วก็ไม่พร้อมจะมีความรักปีก่อนนายก็ตอบแบบนี้ ปีนี้ก็ตอบเหมือนเดิมอีกแล้ว ทำไมล่ะ? ”
ทว่าแทนที่จะตอบอเล็กซ์กลับลุกขึ้นยืนเหมือนเริ่มรำคาญ
“ฉันเข้าใจนายนะอเล็กซ์ แต่จะปิดกั้นตัวเองแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ เฮ้”
หากทว่าไรอันไม่มีโอกาสถามให้รู้เรื่องอีกต่อไปเพราะเวลานี้อเล็กซ์จุ่มร่างลงในสระและว่ายน้ำห่างออกไปแล้ว
ไม่พร้อมที่จะมีความรักอย่างนั้นหรือ...? น่าแปลกที่ฉันเข้าใจคำตอบที่แสนแปลกนั้นได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ...ความรู้สึกที่ไม่พร้อมจะมีความรักหรือถึงกับกลัวความรักไม่ว่าใครกี่คนจะบอกว่าเป็นสิ่งสวยงามแค่ไหน...
...ไม่ใช่มีแต่อเล็กซ์คนเดียวหรอกที่เป็นเช่นนั้น เพราะแม้แต่ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันไม่เคยเชื่อในความรักเลย...
“อย่าเพิ่งไปสิอเล็กซ์” ไรอันร้องไล่หลัง
อเล็กซ์อาจกลัวความรัก และคงเพราะอย่างนี้เขาถึงได้เย็นชาราวกับน้ำแข็ง  ปิดกั้นตัวเอง และเก็บซ่อนความรู้สึกแปลกแยกไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่งราวกับไร้หัวใจ... น่าเศร้าที่เขาเหมือนกับฉัน...
“กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิอเล็กซ์ เฮ้...”

ไม่นานเลอาห์ก็จุ่มร่างลงในน้ำและว่ายตามอเล็กซ์ไปบ้าง ทำให้ที่ขอบสระน้ำเวลานี้เหลือแค่ฉัน แอน ไรอัน โรเซีย และลูก้า แอนกับไรอันคุยกันถูกคอจนดูราวกับโลกนี้มีแค่เธอกับเขา โรเซียคงจะกลัวฉันเหงาก็เลยชวนฉันคุยอย่างเป็นกันเองบ้าง และฉันก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่คุยสนุกมากทีเดียว
“เธอสวยจังเลยโรเซีย” ฉันชมโรเซียเมื่อเราคุยกันได้พักใหญ่ แค่เธอนั่งนิ่งๆ และยิ้มบางมาให้ก็ทำให้ฉันตกหลุมรักเธอหมดทั้งหัวใจแล้ว
“ขอบใจจ้ะ” โรเซียยิ้มงดงาม เธอนั่งอยู่ชิดร่างของลูก้า และปลายนิ้วเรียวยาวของเขากำลังขยุ้มเส้นผมของเธอเล่นอย่างแผ่วเบา
“ฉันว่าเธอสองคนเป็นคู่รักที่ดูดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย” ฉันบอกจากความรู้สึกที่แท้จริงก่อนจะประหลาดใจกับคำพูดของตัวเอง เพราะทั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองเกลียดนายแบบนางแบบแต่โรเซียและลูก้ากลับเปลี่ยนใจทำให้ฉันชอบพวกเขาได้ในเวลาแค่ไม่กี่นาที
“ฉันกับโรเซียโตมาด้วยกัน ฉันเป็นพี่โรเซียสองปี” ลูก้าบอก
“จริงอยู่เรารู้จักกันมานาน แต่เพิ่งไม่นานมานี้เองที่เราตัดสินใจคบกันอย่างจริงจัง” โรเซียพูดบ้างและจ้องมองลูก้าด้วยแววตาหวานซึ้ง “ลูก้าน่ะมีหัวใจที่รักอิสระ เขาไม่เคยหยุดนิ่งที่ใคร ที่ผ่านมาเขาเดทกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย”
“ไม่เอาน่าโรเซีย” ลูก้าปรามคนรักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าเธอยังเล่าต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ  
“แต่ฉันก็ยังรักและรอลูก้ามาตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม บางทีอาจเพราะฉันคิดว่าการที่เขาไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหนหรือหยุดหัวใจไว้ที่ใครเป็นเรื่องที่ชวนค้นหาและน่าหลงใหล อย่าหัวเราะฉันเลยนะ แต่ตลอดมาฉันคิดจริงๆ ว่าหากรั้งเขาไว้ข้างกายได้ก็คงจะท้าทายและน่าภูมิใจ ฉันสัญญากับตัวเองไว้ว่าสักวันหนึ่งจะต้องทำให้ลูก้ารักให้ได้”
“ไม่เอาน่า จะเล่าเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านไปแล้วทำไม” ลูก้าปรามโรเซียอีก ฝ่ามือใหญ่รั้งใบหน้างดงามมาชิดร่างก่อนจะฝังริมฝีปากงดงามลงบนเส้นผมนุ่มสวยของเธอ “ก็ฉันเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันหยุดแล้ว และเธอเป็นคนสุดท้าย”
ฉันเขินแทนจนอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อแขนงดงามของลูก้าเคลื่อนมาโอบกอดโรเซียเอาไว้ ฉันไม่เคยเห็นคู่รักคู่ไหนดูมีเสน่ห์ขนาดนี้มาก่อนเลย
“ถ้าไม่บอกฉันคงไม่มีทางเชื่อว่านายเป็นคนแบบนั้นนะลูก้า แต่ถ้าฉันเป็นนายแล้วเจอกับโรเซียเข้า เสืออย่างฉันก็ต้องทิ้งเขี้ยวเล็บและยกหัวใจทั้งหมดให้เธอเหมือนกัน” ฉันบอกอย่างมั่นใจ
“จริงหรือเปล่า นายเป็นเหมือนที่อัยย์พูดไหมลูก้า...? ” โรเซียหันไปถามเจ้าชายของเธอ ทำให้ใบหน้าของเธอและเขาแทบจะอยู่ชิดกัน และเมื่อทั้งสองสานสายตากันอย่างน่ารักและหวานซึ้งฉันก็อดไม่ที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดชัดเตอร์

แชะ







Vampire and I : ซากุระในสายฝน
Daydream
www.mebmarket.com
ยินดีต้อนรับสู่ความมืดที่แสนงดงามและน่าหลงใหล กับนิยายแฟนตาซีรักแนวดาร์คและโรแมนติกที่จะทำให้คุณหลงใหลแวมไพร์…ตลอดไป......“นานะมองลำคอของไซโตะที่สะท้อนแสงหม่นจากหน้าต่าง...ร่างนั้นที่หล่อเหลาจนกลายเป็นความงดงามกำลังหลับใหล......ได้กลิ่นกายของไซโตะ เธอเคลื่อนใบหน้าใกล้เข้าไป…แต่แล้วเธอชะงัก ข่มตาหลับ ก่อนจะผละจากเขาและลุกกลับไปที่เตียงในความมืดและเงียบหลังจากเธอเดินกลับไป ไซโตะลืมตาขึ้น เมื่อครู่นานะมาที่นี่ เขารู้เพียงเมื่อครู่...เธออยู่ใกล้ๆ เขานี่เอง...” หากคุณชอบความมืด ความงดงาม และความลี้ลับ นิยายเล่มนี้คือนิยายสำหรับท่าน“ไซโตะลากตัวนานะกลับมาที่ห้องแล้ว เขาล็อคประตูทันที“ฉันยังออกล่าไม่เสร็จเลยนะ” เธอบอกอย่างเสียอารมณ์ “เปิดให้ฉันออกไป ฉันไม่ฆ่าใครเหมือนแวมไพร์ใจร้ายตัวอื่นหรอกน่ะ”แต่ไซโตะคว้ามือของนานะที่กำลูกบิดประตูและกำลังจะแก้ล็อคออก ก่อนจะดึงมือนั้น ทำให้ทั้งตัวนานะลอยเข้าไปชนกับร่างของเขา“ไซโตะ ?” ร่างสูงรั้งมือของนานะแน่น อีกมือรั้งท้ายทอยใต้เส้นผมดำยาวเข้าไปที่ลำคอของเขาเอง “ดื่มเลือดฉันสิ”“!!?? นาย...”“ดื่มเลือดฉัน” ...ตึกตัก...นานะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะออกไปจากเดิม ไซโตะอยู่ใกล้เกินไป “ฉันไม่แคร์ว่าเธอรู้สึกยังไงกับฉัน ที่ฉันต้องการก็คือฉันไม่อยากให้เธอดื่มเลือดใครอีก” นิ้วเรียวยาวของไซโตะรั้งปกเสื้อของตัวเองลง “ดื่มเลือดของฉันคนเดียวเท่านั้น”



Vampire and I : รักนายแวมไพร์ของฉัน
Daydream
www.mebmarket.com
...ใครจะรู้ล่ะว่าโลกของแวมไพร์เป็นยังไง...?…แวมไพร์ เลือด ความงดงาม ชีวิตอมตะ เรื่องพวกนั้นน่ะเป็นตำนานและคำบอกเล่าเกี่ยวกับแวมไพร์ที่พวกเราได้ยินมานานแล้ว แต่มีฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักแวมไพร์อย่างแท้จริง เพราะเขาอยู่ต่อหน้าฉันนี่ไงล่ะ ชินจิ นักเรียนชายหล่อเหลาผู้เป็นที่หลงใหลของนักเรียนหญิงทั้งมัธยมคนนั้น เขาได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมของฉันและกลายเป็นนักเรียนใหม่ในความดูแลของหัวหน้าห้องอย่างฉัน ไม่ว่าฉันจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่เหนืออื่นใด ชินจิหลงรักเลือดของฉัน ทั้งรสชาติ สี กลิ่น อุณหภูมิของมัน และทุกอย่าง ชินจิแวมไพร์ผู้หล่อเหลาราวกับเจ้าชายแห่งความมืดได้เลือกฉัน และเมื่อเขายื่นข้อเสนอที่งดงาม...ข้อเสนอที่จะมอบชีวิตอันเป็นนิรันดร์เคียงข้างเขาตลอดไปให้กับฉัน ฉันจะทำยังไงดีนะ…แล้วชินจิก็ฝังเขี้ยวลงมาที่ต้นคอของฉัน ร่างของฉันกระตุกวูบ ฉันเจ็บ เขากำลังดื่มเลือดของฉัน แต่ครั้งนี้แปลกเหลือเกิน คมเขี้ยวของชินจิมอบความเจ็บยิ่งกว่าทุกครั้งและลึกล้ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ คงเพราะเขากำลังจะเปลี่ยนฉันให้เป็นแวมไพร์ มืดเหลือเกิน ราวกับแสงต่างๆ กำลังดับวูบไป ชินจิเคยบอกว่าโลกที่มนุษย์เห็นนั้นต่างจากจากโลกที่แวมไพร์เห็น มันมืดและหนาวเหน็บกว่าใช่ไหม ?…



Fire and Salt รักร้ายปลายฟ้า (New Cover)
Daydream
www.mebmarket.com
Fire and Salt ปกพิมพ์ครั้งใหม่ค่ะ...ราวกับเปลวไฟที่งดงามและร้อนแรง ราบกับน้ำเกลือที่แสบซ่านเวลาถูกบาดแผล ความรู้สึกแปลกแบบนี้คืออะไรกันนะเมื่อนายก้าวเข้ามาในหัวใจของฉัน ณ ที่แห่งนี้ ที่ซึ่งหาดทราย พื้นน้ำ และท้องฟ้าโอบล้อมเราไว้...ฝ่ามือของฉันที่ทาบกับกระจกเย็นเยียบ ทว่าหลังมือกลับสัมผัสถึงฝ่ามืออุ่นของอเล็กซ์ที่เคลื่อนใกล้เข้ามา และทั้งที่มือของเราไม่ได้สัมผัสกันแต่ฉันกลับกลัวและหวาดระแวง อเล็กซ์ทำแบบนี้เพื่ออะไร....? เขากำลังจะแก้แค้นฉันที่ทำร้ายเพื่อนของเขาใช่ไหม...?แล้วอย่างเชื่องช้าปลายนิ้วของเขาก็แตะเข้ากับปลายนิ้วของฉัน และฉันไม่ได้ดึงมือของตัวเองออก...ไม่ว่าจะสั่งตัวเองอย่างไร...ถึงจะกลัวแต่ก็อยากหยุดเวลานี้เอาไว้......ท่ามกลางเสียงที่ราวกับบทเพลงอันน่าหลงใหลแห่งสายลมและเกลียวคลื่น อเล็กซ์ได้พบกับอัยย์...เขาเกลียดเธอ และเธอเกลียดเขา...เช่นนั้นใช่ไหม...?ทว่าเสียงที่ดังตึกตักอยู่นี้คืออะไร ผิวของร่างที่อุ่นร้อนขึ้น และสัมผัสที่เธอไม่เข้าใจ......และสัมผัสที่ราวกับกลีบดอกไม้…ฝากนิยายรักสุดโรแมนติกระหว่างนายแบบหนุ่มระดับโลกทายาทธุรกิจโรงแรมพันล้านกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งด้วยนะคะติดตามนิยายอัพเดทใหม่หรือสั่งซื้อนิยายได้ที่ www.facebook.com/welovefictionclub หรือ www.daydreamfiction.blogspot.com



Midnight Black Spells 1 ลวงรักเจ้าหญิงต้องคำสาป
Daydream
www.mebmarket.com
หนึ่งพันคืนมาแล้วเขาสาปเธอให้เป็นหงส์ขาว หนึ่งพันคืนมาแล้ว เขาโอบกอดเธอด้วยมนตร์และเสียงกระซิบที่เหมือนอยู่ในความฝัน และหนึ่งพันคืนอีกเช่นกันที่เขารั้งเธอไว้เคียงข้างกายด้วยความอ่อนโยนทว่าก็เยือกเย็นและมืดดำเหมือนเวลาเที่ยงคืน เพราะเฟรเดอริคเป็นพ่อมดที่หัวใจและเลือดในร่างกายเป็นสีดำสนิท สีขาวสวยที่เขามอบให้เธอฟังดูเหมือนสัญลักษณ์ของอิสรภาพ แต่ที่จริงมันกลับเป็นคำสาปที่ทำให้เจ้าหญิงอย่างเธอตกอยู่ใต้ปีกสีดำที่สวยงามเหมือนเทวทูตจากความมืดของเขาแล้ววันหนึ่งเจ้าหญิงก็ได้พบกับซิกฟริด...เจ้าชายที่หล่อเหลาและสง่างามไร้ที่ติราวกับไม่ใช่ความจริง เขาพร้อมที่จะคลายคำสาปให้เธอ เพียงแค่เขารักและสาบานกับเธอเท่านั้นคำสาปก็จะถูกทำลาย ในที่สุดเจ้าหญิงก็ได้เลือกที่จะคลายคำสาปให้ตัวเองที่งานเต้นรำของเจ้าชาย เธอรออย่างใจจดใจจ่อให้ถึงงานเต้นรำที่จะจัดขึ้นในปราสาทแสนสวยแห่งเทพนิยาย แต่ใครจะรู้ล่ะว่า...ซิกฟริดไม่ใช่ชายคนเดียวที่รอเธออยู่ที่นั่น!สั่งซื้อนิยายฉบับกระดาษ (277 บาท) และติดตามข่าวนิยายอัพเดทได้ที่ www.facebook.com/welovefictionclub และ www.daydreamfiction.blogspot.com ขอบคุณค่ะ



Midnight Black Spells 2 : Rose Red Spells (เล่มจบ)
Daydream
www.mebmarket.com
ยินดีต้อนรับสู่เล่ม 2 (เล่มจบ) ของ Midnight Black Spells ค่ะเพลงเต้นรำแห่งค่ำคืนนั้น... แชนเดอร์เลียร์หลากสีที่เปล่งประกายใต้แสงเทียนวูบไหว... สัมผัสอุ่นร้อน ดวงตาสีฟ้าราวอะความารีนสง่างาม...ราวกับครอบครองความฝันของคนทั้งโลกเอาไว้ นี่หรือเจ้าชายซิกฟริดที่ว่ากันว่ารูปงามที่สุดในเทพนิยาย…?อยากให้ทุกสิ่งเป็นแค่การหลอกลวงหากทว่าไม่อาจลืมได้สิ่งนั้นคือความรักเช่นนั้นหรือ ทว่าจะเป็นไปได้อย่างไร...!?ในเมื่อเธอเป็นเพียงแม่มดแดงที่โหดร้าย และพี่ชายของเธอร้องขอต่อเธอไว้ห้ามรักเจ้าชาย...!ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความมืดอันน่าหลงใหลราวกับเวลาเที่ยงคืน ยื่นมือของคุณออกมาสิ หลับตาลงและโบยบินไปสู่โลกแห่งเทพนิยายที่หม่นดาร์คและโรแมนติกด้วยกันกับเรานับแต่นี้เป็นต้นไป ลืมทุกสิ่งที่คุณเคยรู้ แล้วปลดปล่อยความฝันให้ปลิดปลิวไปในความมืดที่ไกลแสนไกลนับตั้งแต่บัดนี้...!ติดตามนิยายอัพเดทและสั่งซื้อนิยายของ Daydream ได้ที่ www.facebook.com/welovefictionclub และ www.daydreamfiction.blogspot.com ขอบคุณค่ะ



Maple Rhapsody เพลงรักใบเมเปิ้ล
Daydream
www.mebmarket.com
คำเตือน!! ฉากแสดงความรักในเรื่องนี้ร้อนแรงกว่าใน Sweet Maple Rhapsody (Original) อาจทำอันตรายแก่เส้นเลือดในจมูกของท่านและทำให้เลือดกำเดาออกได้ ผู้อ่านต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไปเพื่อน...ความสนิท...ความรัก...ความผูกพัน... มิตรภาพหลอมรวมพวกเราไว้ด้วยกัน พวกนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน พวกนายทุกคนดีเยี่ยม เท่ น่ารัก ใจดี และสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง พวกเราสนิทกันมากจนบางครั้งเส้นที่ขีดคั่นระหว่างความรักแบบเพื่อนและความรักแบบคนรักก็กลับกลายเป็นแค่เส้นบางๆแต่ฉันอยากจะรู้ว่าความรักคืออะไร และที่จริงแล้วฉันรักใคร ที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องตอบด้วยตัวเอง...ด้วยหัวใจของตัวเอง ในขณะที่ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีจากเขียวกลายเป็นแดง ร่วงหล่น ถูกกลบฝังในหิมะเพื่อหลับใหล และผลิเกิดใหม่หลังจากหิมะละลายสุดท้ายแล้วจะเป็นใครที่อยู่ร้องเพลงราพโซดี้แห่งความรักกับฉัน จับมือฉัน กอดฉัน และร้องเพลงบทนั้นพร้อมกับฉันตลอดไป...แล้วอยู่ๆ ขณะที่ฉันเล่นเปียโนอย่างตั้งใจนิคกลับหันไปมองทางอื่นเสียเฉยๆ เหมือนจงใจเมินฉัน แล้วหันกลับมาได้สักพักเขาก็กลับหันไปทางอื่นอีก ฉันเริ่มหดหู่ อดคิดไม่ได้ว่าเขาคงจะเริ่มรำคาญฉันขึ้นมา ในเมื่อเขาต้องทนฟังฉันเล่นเพลงเดิมเดิมซ้ำๆ ซากๆ มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วแต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรและยังเล่นต่อไปจนอยู่ๆ เขาลุกขึ้นแล้วเดินหลีกไปหยุดริมหน้าต่าง มองนิ่งออกไปทางสระน้ำที่เวลานี้เรืองแสงสวยอยู่ใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิทราวกับชุดสีดำงดงามของเจ้าหญิงหงส์ดำโอดิล“เล่นต่อสิ” เขาบอกเมื่อฉันหยุดเล่น ทว่าสายตายังไม่ละไปจากห้วงน้ำสีฟ้าสว่างนอกหน้าต่าง ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง“แต่นาย...”“ฉันไม่เป็นไร” เขาขัดฉันด้วยเสียงอ่อนโยนไม่ต่างจากทุกครั้ง “ฉันทำให้นายรำคาญหรือเปล่า นายเบื่อที่จะทนฟังฉันเล่นผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช่ไหม? ” ฉันถามออกไป ทั้งที่คำถามนั้นเหมือนยิ่งทำให้ก้อนล่องหนหนักหน่วงที่ถ่วงคอฉันไว้หนักขึ้นไปอีก “นายคงเบื่อและอยากเลิกสอนฉัน ฉันถึงเห็นนายลุกหนี...”“วิคกี้” เขาขัดฉันอีกครั้ง “ไม่ใช่แบบนั้นเลย ฉันไม่ได้รำคาญเธอ”“ถ้าอย่างนั้น...?”“ฉันแค่กำลังห้ามตัวเองไม่ให้มองเธอหรืออยู่ใกล้เธอมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น...ฉันอาจจะห้ามใจตัวเองไว้ไม่ได้” แล้วเขาบอกฉันก่อนจะหันมาหาฉันเพียงเสี้ยวหน้า ดูราวกับเจ้าชายสง่างามที่ยืนอาบแสงจันทร์กำลังมองมา พร้อมกับคำพูดจากริมฝีปากงดงามที่ทำให้ฉันนิ่งชะงักราวกับถูกมือล่องหนตรึงร่างเอาไว้ “เพราะฉันอยากจูบเธอ” ยินดีต้อนรับสู่นิยายรักหวานโรแมนติกท่ามกลางเกล็ดหิมะที่โปรยปราย ขอฝากเหล่าเจ้าชายสุดเพอร์เฟคท์ในเรื่องนี้ด้วยนะคะท่านนักอ่านสามารถสั่งซื้อนิยายฉบับกระดาษของ Daydream ได้ที่ www.facebook.com/welovefictionclub หรือ www.daydreamfiction.blogspot.com นะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^



Sweet Maple Rhapsody (Original)
Daydream
www.mebmarket.com
ยินดีต้อนรับสู่นิยายรักโรแมนติกท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนักเรียนหญิงคนเดียวในวิทยาลัยถูกเชิญเข้าแก๊งชายสุดเพอร์เฟคท์ พบกับความรักหลากสไตล์ที่บางครั้งเส้นขีดคั่นระหว่างความรักแบบเพื่อนและแบบคนรักกลับกลายเป็นเส้นบางๆ ขอฝากนิยายสไตล์แนวทดลองกึ่งๆ ฮาเร็มชายเล่มนี้ไว้ในหัวใจของรีดเดอร์ด้วยนะคะ ^^เพื่อน...ความสนิท...ความรัก...ความผูกพัน... มิตรภาพหลอมรวมพวกเราไว้ด้วยกัน พวกนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน พวกนายทุกคนดีเยี่ยม เท่ น่ารัก ใจดี และสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง พวกเราสนิทกันมากจนบางครั้งเส้นที่ขีดคั่นระหว่างความรักแบบเพื่อนและความรักแบบคนรักก็กลับกลายเป็นแค่เส้นบางๆแต่ฉันอยากจะรู้ว่าความรักคืออะไร และที่จริงแล้วฉันรักใคร ที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องตอบด้วยตัวเอง...ด้วยหัวใจของตัวเอง ในขณะที่ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีจากเขียวกลายเป็นแดง ร่วงหล่น ถูกกลบฝังในหิมะเพื่อหลับใหล และผลิเกิดใหม่หลังจากหิมะละลายสุดท้ายแล้วจะเป็นใครที่อยู่ร้องเพลงราพโซดี้แห่งความรักกับฉัน จับมือฉัน กอดฉัน และร้องเพลงบทนั้นพร้อมกับฉันตลอดไป...แล้วมันก็เริ่มขึ้น... ริมฝีปากของนิค...งดงามและอุ่นจัด...เคลื่อนมาทาบทับริมฝีปากของฉัน...ฉันได้ยินเสียงหายใจลึกของเขา...ราวกับจะผนึกสัมผัสที่เขาได้จูบฉันไว้ให้นานแสนนาน หลายวินาทีผ่านไปเขาก็ถอนริมฝีปากออกอย่างเนิบช้าเพื่อที่จะจ้องตาฉันในระยะใกล้ขนาดปลายจมูกแตะกัน เขาไม่ได้แค่บอกรักฉันด้วยบทเพลง แต่ด้วยความเงียบและการรอคอยด้วย เวลานี้นิคกำลังอ่านและค้นลึกลงไปในหัวใจของฉัน ...ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะมั่นใจที่จะเคลื่อนมาสัมผัสกับริมฝีปากของฉันอีกครั้ง...และครั้งนี้อย่างแน่ใจและลังเลน้อยกว่าเดิม นิคจูบฉัน...จูบอย่างทะนุถนอมราวกับจูบของเจ้าชายที่ได้เลือกซินเดอเรลลาเป็นคนรัก ...และราวกับมันเป็นแค่การสัมผัสกันของกลีบดอกไม้...ฉันกำลังจูบกับนิกิต้างั้นเหรอ...? รู้สึกเหมือนมันเป็นแค่ความฝัน...และเสียงนุ่มแผ่วของเขาที่กำลังเอ่ยขอกับฉันก็เป็นเพียงแค่…...ความฝัน...?“ฉันชอบเธอ คบกับฉันนะ” Sweet Maple Rhapsody (Original) เล่มนี้เป็นเวอร์ชั่นที่เคยอัพจบออนไลน์ในแบบที่แฟนๆ รีดเดอร์หลายๆ ท่านได้เคยอ่านมาแล้วค่ะ เน้นความสวีทหวานและซาบซึ้งกินใจ แต่มี Maple Rhapsody อีกเวอร์ชั่นที่ยาวและเพิ่มฉากฟินสำหรับรีดเดอร์ที่ชอบอ่านแนวเข้มข้นและร้อนแรงด้วย ติดตามได้จาก Maple Rhapsody อีกเล่มนะคะ (รูปปก 3 คนค่ะ)ติดตามหรือสั่งซื้อนิยายรูปเล่มพ็อคเก็ตบุ๊คของ Daydream ได้ที่ www.facebook.com/welovefictionclub และ www.daydreamfiction.blogspot.com ขอบคุณค่ะ ^^