“เอ๋? ” เสียงชัตเตอร์จากโทรศัพท์มือถือของฉันทำให้ลูก้าและโรเซียประหลาดใจ
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะ” ฉันบอกก่อนจะถ่ายรูปลูก้ากับโรเซียคู่กันอีกหลายรูป
ยิ้มและถอนหายใจด้วยความสุขกับภาพคู่รักสวยไร้ที่ติที่ฉันถ่ายได้ ความรักของโรเซียกับลูก้าทำให้หัวใจของฉันอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเลย
...ทั้งที่ฉันไม่เคยเชื่อในความรัก
และที่จริง...ฉันเกลียดความรักด้วยซ้ำไป...
“เธอสองคนดูดีมากจริงๆ นั่นล่ะ” ฉันชมอีกครั้งจากใจ
“ขอดูด้วยคนสิ...อัยย์ ว้าว เธอถ่ายรูปเก่งจัง”
ลูก้ากับโรเซียเอ่ยชมรูปในโทรศัพท์มือถือของฉัน ลูก้าขอให้ฉันเปิดไอจีของตัวเองให้พวกเขาดูรูปที่ฉันถ่ายเล่นไว้ด้วย
“พวกเธอสองคนดูดีเองต่างหากล่ะ เชื่อสิว่าต่อให้หลับตาถ่ายก็ยังสวย”
ฉันบอก
“ไม่หรอก เธอพูดเกินไปแล้วล่ะ
ฉันว่าเธอถ่ายรูปเก่งต่างหาก ดูเธอจะมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ” ลูก้ายิ้มให้ฉันก่อนจะเลื่อนดูรูปในไอจีของฉันต่อไป
“ดูอะไร? ” อยู่ๆ น้ำเสียงเรียบห้วนก็ดังขึ้นเหนือหัวไหล่ของฉัน
ทำให้ฉันรู้ว่าอเล็กซ์กลับขึ้นมาที่ขอบสระแล้ว
เขาคว้ามือถือของฉันไปจากลูก้าเพื่อที่ปลายนิ้วเรียวยาวพราวหยดน้ำจะเลื่อนดูรูปในโทรศัพท์มือถือของฉันบ้าง
ดวงตาสีดำงดงามที่จ้องมองรูปของฉันดูเรียบนิ่งและอ่านยาก
“ไม่ถ่ายหน้า? ” อเล็กซ์ถามขึ้นลอยๆ
ราวกับต่อว่า “ถ่ายแต่รองเท้า?”
“นั่นสิ” ลูก้าพูดเสริม “เธอไม่ถ่ายหน้าตัวเองเลยนะอัยย์
อีกรูปนี่ก็ถ่ายแค่มือของตัวเองที่ชูไอศกรีมสีชมพูขึ้นฟ้า”
ลูก้าเลื่อนรูปภาพต่อไปอีก “รูปดอกหญ้า
รูปหน้าแมว รูปนี้เธอถ่ายหน้าตัวเองแล้วแต่เห็นแค่จมูกกับปาก รูปพวกนี้มันก็ดูอาร์ตดีหรอกนะ
แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้”
“ไม่แปลกหรอก มีคนหลายคนในโลกที่ไม่ค่อยถ่ายรูปหน้าตัวเองนะ”
ฉันแก้ตัว
“แล้วนี่พอถ่ายรูปตัวเองเต็มตัวก็ถ่ายหันหลังซะอย่างนั้น
เป็นเซลฟี่ที่ฉันไม่เข้าใจเลย” โรเซียพูดบ้างก่อนจะหันมาถามฉัน “อัยย์
เธอเป็นพวกต่อต้านสังคมหรือเกลียดตัวเองเหรอ? ”
“โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่ารูปของฉันออกจะแปลกๆ
ขอโทษนะ” ฉันถอนหายใจ “แต่แค่ ‘แปลก’ นะโอเคไหม? มันไม่ใช่รูปถ่ายที่ดีพอจะเรียกว่าอาร์ตหรอก”
พอพวกเขาทักฉันก็ต้องยอมรับว่ารูปถ่ายของฉันดูแปลกประหลาดจริงๆ
เสียด้วย รูปหนึ่งฉันก้มถ่ายแต่รองเท้าของตัวเอง
อีกรูปหนึ่งฉันถ่ายตัวเองเล็กจิ๋วแต่ทิวทัศน์เวิ้งกว้างกว้างไกล ส่วนอีกรูปฉันถ่ายลายมือแสนธรรมดาของตัวเองที่เขียนข้อความตลกๆ
เอาไว้ ก่อนจะลงลายเซ็นเต็มรูปแบบราวกับข้อความนั้นเป็นวาทะของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...
“ฉันก็แค่คนธรรมดา” ฉันบอกพวกเขา
“ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ”
“ฉันรู้แล้วล่ะ อัยย์เป็นฮิปสเตอร์”
ไรอันหาทางตั้งหมวดของความเป็นมนุษย์ให้ฉัน เขาสงสารและกลัวว่าฉันจะเป็นพวกแปลกแยกที่ไม่มีใครอยากคบละมั้ง
อาจใช่ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือฉันไม่สนใจสักเท่าไหร่ว่าใครจะคิดกับฉันอย่างไร
“ใช่ไหมอัยย์? หรือเธอเป็นอินดี้? ”
โรเซียถามบ้าง
“ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่ใช่คนประเภทไหนทั้งนั้น” ฉันส่ายหน้า “ฉันไม่เท่พอที่จะจัดไว้ในกลุ่มไหนหรอก
แล้วฉันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเหมือนพวกนายหรอกนะ เพราะฉะนั้นเลิกพูดเรื่องฉันกันได้แล้ว...”
“หรือเบื่อหน้าตัวเอง? ” อเล็กซ์ถามขึ้นบ้าง
ดวงตาสีดำสนิทคมกริบนิ่งมองฉันราวกับจับวาง บางทีเขาอาจกำลังเยาะเย้ยหรือดูถูกฉัน
“หรือหน้าไม่สวย? ” เขาถามอีก และแต่ละคำถามของอเล็กซ์ก็ทำให้ฉันชักสีหน้า
ถึงจะเป็นความจริงที่ฉันไม่เคยคิดถ่ายรูปหน้าของตัวเองเพราะไม่เห็นว่ามันสวยหรือน่าสนใจตรงไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาพูดหยาบคาย
อีกอย่างเขาต่อว่าฉันหลายครั้งแล้วด้วย!
“เขาเรียกว่า ‘แนว’ ต่างหากอเล็กซ์”
แอนแก้ตัวให้ฉัน ไม่พลาดที่จะหาคำศัพท์ของกลุ่มคนประหลาดมาจัดประเภทให้ฉันบ้าง
“แต่เรียกเท่ๆ ว่าฮิปสเตอร์เหมือนที่ไรอันบอกก็แล้วกัน ฉันเห็นด้วยกับไรอัน”
ดูแอนกับไรอันจะเข้าใจกันดีเหลือเกิน
เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ
“เฮ้ แต่อัยย์ถ่ายรูปคนเก่งมากนะ
รูปพวกนี้ดูเหมือนงานของมืออาชีพเลย บางรูปสวยกว่าด้วยซ้ำไป” ไรอันเอ่ยชมฉันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เขากำลังชะโงกหน้าดูโพสต์เก่าๆ ของฉันที่อเล็กซ์เลื่อนดูอยู่ ส่วนแอนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยอีกเสียง
“แค่รูปเพื่อนๆ เท่านั้นล่ะ พวกนั้นชอบแต่งหน้าทำผมแล้วก็โพสต์รูปตัวเองวันละหลายครั้ง
บางทีพวกเธอหาคนถ่ายรูปให้ไม่ได้ก็เลยมาขอให้ฉันถ่ายให้” ฉันอธิบาย
“เธอรับจ้างถ่ายรูปให้พวกเขาเหรอ? ”
โรเซียถาม
“ฉันถ่ายฟรีจ้ะ ฝีมือแบบนี้คิดเงินใครไม่ได้หรอก”
พูดจบฉันก็ดึงโทรศัพท์มือถือกลับจากมือของอเล็กซ์ พวกเขาจะได้เลิกสนใจเรื่องส่วนตัวที่น่าเบื่อหน่ายของฉันเสียที
“ฉันมีข่าวดีมาบอกล่ะ ปีหน้าฉันกับลูก้าจะหมั้นกัน”
โรเซียพูดขึ้น ข่าวตื่นเต้นของเธอทำให้เพื่อนๆ เฮลั่น แล้วเธอหันมาพูดกับฉัน “อัยย์
ตอนที่เราจัดงานที่อังกฤษเธอช่วยถ่ายรูปให้เราได้ไหม ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอฟรีและจองห้องพักในโรงแรมเดียวกับเราให้ด้วย”
“เอ๋? ทำไมล่ะ!?” ฉันร้องเสียงดังและโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ได้หรอก ฉันถ่ายรูปไม่เก่งขนาดนั้นแล้วก็ไม่คู่ควรจะถ่ายรูปงานหมั้นให้เธอด้วย”
“แต่เธอถ่ายรูปสวยมากนะ
ฉันไม่เคยเห็นใครถ่ายรูปได้ดูน่าสนใจเท่านี้มาก่อนเลย”
“ฉันเนี่ยนะ!? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า” ฉันส่ายหัวและโบกมือปฏิเสธเร็วขึ้นอีกจนแม้แต่ตัวเองยังตาลาย
ทำให้ลูก้ากับโรเซียหัวเราะสนุกสนาน
“เลิกถ่อมตัวได้แล้ว ฉันชอบรูปถ่ายของเธอมากจริงๆ
นะ เธอต้องถ่ายรูปให้ฉัน ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน”
“แต่...”
“ถ้าเธอไม่ยอมฉันจะร้องไห้แล้วนะ” โรเซียเริ่มบีบน้ำตา
“เดี๋ยว อย่านะ” ฉันเดือดร้อนต้องจนกระโดดลุกขึ้นห้าม
“ถ้าอย่างนั้น...แล้วแต่เธอก็ได้ แต่ถ้าฉันถ่ายรูปไม่ถูกใจฉันต้องขอโทษล่วงหน้านะ”
“ต้องอย่างนั้นสิ ขอบคุณเธอมากนะ”
โรเซียกระโดดกอดฉัน ดะ...เดี๋ยวสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราเพิ่งรู้จักกัน?
“อัยย์เธอน่ารักที่สุดเลย! ”
อ้อมกอดนุ่มนิ่มของโรเซียทำให้ฉันหน้าแดง
อา...ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย นี่ความฝันสูงสุดในชีวิตของฉันที่อยากได้ไปต่างประเทศสักครั้งกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาง่ายๆ
แบบนี้เองเหรอ? ไม่น่าเป็นไปได้ ฉันโชคดีเกินไป...
ที่สำคัญทำไมฉันถึงมารู้จักกับเจ้าหญิงที่แสนสวยและใจดีขนาดนี้ได้นะ
โรเซียไม่ใช่แค่นางแบบหากแต่เป็นนางฟ้า จริงสิ เธอต้องเป็นนางฟ้าประจำตัวฉันแน่ๆ และฉันสัญญาว่าจะรักและดูแลนางฟ้าประจำตัวคนนี้อย่างดีที่สุดเลยล่ะ
ฉันไม่เคยมีความสุขและหลงรักใครเท่านี้มาก่อนเลย!
แล้วอยู่ๆ นางฟ้าของฉันก็ลุกขึ้น
“ฉันจะตามเลอาห์ไปที่สปาก่อนนะ อัยย์อยากไปกับฉันไหม? โรงแรมแวนครอฟของอเล็กซ์ได้ชื่อว่ามีสปาที่ยอดเยี่ยมติดอันดับโลกเลยนะ”
“คนบ้าจี้อย่างฉันคงะไปนวดไม่ได้
ขอไม่ไปด้วยดีกว่าจ้ะ” ฉันปฏิเสธอย่างสุภาพ
“งั้นก็ไม่เป็นไร ไว้เจอกันใหม่นะ”
โรเซียยิ้มงดงาม และฉันมองตามเธอที่เดินจากไปด้วยความคิดถึงและเสียดาย
พอโรเซียไม่อยู่เพื่อนๆ
ก็ดูเงียบลงไป ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าแอนกับไรอันไม่ได้อยู่ข้างๆ ฉันแล้ว ไม่รู้ว่าสองคนนี้ลุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เวลานี้ที่ริมสระเหลือแค่ลูก้า อเล็กซ์และฉัน ก่อนที่อีกครู่เดียวอเล็กซ์จะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวริมสระทำให้เหลือแต่ฉันกับลูก้าที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“อัยย์ชอบมาเที่ยวทะเลเหรอ? ” ลูก้าถามฉัน
“ใช่ ชอบมากเลยล่ะ”
“เหมือนกัน”
“แต่ที่จริงฉันไม่ได้มีเงินขนาดที่จะมาพักโรงแรมสุดหรูแบบนี้ได้หรอกนะ
ต่อให้เก็บเงินทั้งชีวิตก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าฉันมาพักฟรี”
“พักฟรี? ” ลูก้าประหลาดใจ “โรงแรมแพงขนาดนี้พักฟรีได้ด้วยเหรอ?
บอกวิธีฉันบ้างสิ”
“ดื่มชาเขียวไง”
“ดื่มชาเขียวแล้วทำไม? ”
“แอนเพื่อนฉันไม่ได้กินดื่มขวดเดียวนะสิ
เธอดื่มเยอะมากจนทำให้จับฉลากชนะรางวัลที่พักฟรีนี้มาได้”
“นี่พวกเธอมาด้วยรางวัลจากบริษัทชาเขียวอย่างนั้นเหรอ!? “ลูก้า
ประหลาดใจ “ถ้างั้นต้องกินกี่ขวดล่ะ?
”
“ฉันไม่รู้หรอก”
“ลองเดาก็ได้”
“หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยแปดหกเจ็ดขวด”
“อะไรนะ!? ” ลูก้าแทบหงาย “เดี๋ยว
เมื่อกี้เลขมั่วใช่ไหม? ”
“ฉันพูดเล่น แค่หนึ่งพัน...มั้ง...”
ลูก้าอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะชอบใจ “ถึงอย่างนั้นก็เหอะ
แอนที่น่าสงสาร ดื่มมากขนาดนั้นเธออาจจะเป็นโรคตาค้างก็ได้”
“ฮะๆๆๆ กินชาเขียวทำให้ผิวสวยและหน้าเด็กต่างหาก”
ฉันแก้ตัวให้
“ไม่เชื่อหรอก
กินเยอะขนาดนั้นตาต้องค้างแน่”
“ไม่หรอกน่า”
“อย่าอำฉันสิอัยย์”
“ฮ่าๆๆ จะให้ฉันพูดความจริงก็ได้
แอนตาค้างทุกคืนจนดูซีรี่ส์เกาหลีทั้งหมดที่ออกในช่วงสามปีมานี้ครบทุกเรื่อง ตอนนี้เธอนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่ส์ไปแล้ว”
“ฉันไม่เคยดูซีรี่ส์เกาหลีเลย
นางเอกพวกนั้นเป็นแบบไหนเหรอ? “
“ก็...” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสวมบทเป็นนางเอกเกาหลีให้ลูก้าดู
ฉันพูดและทำท่าเหมือนในซีรี่ส์เรื่องล่าสุด ตีบทแตกกระจาย น้ำตาไหลพรากและโวยวายจนน่าจะได้รางวัลส้มเน่า
จากนั้นฉันก็สวมบทนางเอกที่ดื่มชาเขียวจนตาค้างเพื่อล้อเลียนแอน ทำเอาลูก้าหัวเราะจนปวดท้อง
“โอย สงสารแอนจัง
ต้องดื่มชาเขียวเยอะขนาดนั้น” ลูก้าหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“ไม่ต้องสงสารคนแบบนั้นหรอก ดูสิทิ้งฉันไปสนุกกับไรอันถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“เธอเหงาเหรอ? “
“เปล่า ไม่เหงาเลย”
ลูก้าหยุดหัวเราะและจ้องมองฉัน
ดวงตางดงามที่ราวกับภาพวาดนั้นดูจริงจัง “เธอมีแฟนหรือยังอัยย์? ”
“เอ๋? เอ่อ...”
ฉันงุนงงที่ลูก้าเปลี่ยนเรื่องคุยเร็วขนาดนี้ได้ “ยัง ฉันน่าเกลียด นิสัยก็แย่เลยไม่มีใครสนใจ”
“ฉันเห็นด้วย เธอนิสัยแย่จริงๆ ” ลูก้าหยักยิ้มงดงาม
“แต่ก็ดีแล้ว”
“ดี? ทำไมล่ะ?”
“ก็...แค่คิดว่าดี ไม่มีอะไรหรอก” ลูก้าพูดเท่านั้นก่อนจะกระดกวอดก้าผ่านริมฝีปาก
ดวงตางดงามบนใบหน้าที่เชื่อได้เลยว่าผู้หญิงทั้งโลกต้องหลงรักจ้องมองฉันอย่างครุ่นคิด
“แต่...เพราะอะไรล่ะ? ” เขาเอ่ยถาม
“พอจะบอกฉันได้หรือเปล่าว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟน”
“ก็แค่ไม่อยากมี อยากเป็นโสด
อยากอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต” ฉันตอบ
“อัยย์ เธอทำให้ฉันตลกอีกแล้ว”
ลูก้ายิ้มงดงามอีก
“เอาเลย หัวเราะให้ขาดใจไปเลย
แต่ฉันพูดจริง เรื่องนี้ไม่ได้ล้อเล่นเลย”
“ทำไมล่ะ? ”
“เฮ้อ...ก็...”
นี่ฉันต้องเล่าจริงๆ ใช่ไหม...?
เรื่องน่าปวดใจพวกนั้นที่อยากจะลืมแต่ก็ลืมไม่ได้...
“พ่อของฉันเป็นผู้ชายหลายใจ
พ่อทิ้งแม่ไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม่ของฉันรอพ่อมาตลอดและไม่เคยรักใครอีก แต่สำหรับฉันแม่ทั้งสิ้นคิดและเปราะบาง
แล้วเธอก็ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับตัวเองไปวันๆ เท่านั้น” ฉันถอนหายใจ
“แย่จัง ฉันเสียใจด้วยนะอัยย์”
“แล้วพ่อก็ไม่เคยกลับมา” ฉันกำมือ
หยุดพูดเมื่อสังเกตว่าตัวเองกำลังเสียงสั่น
ฉันไม่เคยโกรธพ่อน้อยลงทั้งที่เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว
ลูก้าเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นฉันที่ร่าเริงมาตลอดเกิดเสียใจขึ้นมากะทันหัน
เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจลุกมานั่งฝั่งเดียวกันและเคลื่อนมือมาตบไหล่ฉันดังตุบๆ
แล้วเราก็นิ่งกันไป
ครู่หนึ่งลูก้าก็หันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากบริกร ก่อนจะยื่นแก้วแวววาวที่บรรจุของเหลวสีกุหลาบงดงามให้ฉัน
“สำหรับเธอ”
“เอ๋? ทำไมต้องให้ฉันด้วยล่ะ? ”
“สำหรับเด็กดีและเพื่อนใหม่”
ลูก้ายิ้มบางอย่างอ่อนโยน “ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า
แต่ไม่มีแอลกอฮอล์หรอกนะวางใจได้”
“ขอบใจนะ แต่...” ฉันนิ่งไป ลูก้าจ้องมองฉันที่กำลังเม้มปากและกำแก้วแน่นก่อนจะเปล่งเสียงดัง
“แต่คิดเรื่องนี้แล้ว...ฉันอยากเมา! ”
ฉันหายเศร้าแล้วและกลับมาเป็นคนตลกเฮฮาเหมือนเดิมด้วยท่าทางสั่งเหล้าราวกับนักเลง
“เฮ้ พี่ชาย เอาเหล้ามาหน่อยค่ะ! ”
“อัยย์...? “ ลูก้าอ้าปากค้าง
เขาคงจะงงน่าดูที่อยู่ๆ ฉันซึ่งเมื่อกี้เปราะบางเหมือนนางเอกถูกนางอิจฉาทำร้ายกลับกลายเป็นนางเอกหนังแอ็คชั่นไปได้
ฉันมักจะคลายความเศร้าให้ตัวเองง่ายๆ แบบนี้ เพราะคิดถึงเรื่องที่พ่อทิ้งแม่ไปเมื่อไหร่ก็ทำให้ฉันเซ็งสุดขีดได้ทุกทีสิน่า
แล้วท่ากระดกพันช์เข้าปากราวกับสาวห้าวของฉันก็ทำให้ลูก้าหัวเราะลั่น
ฉันชอบทำแบบนั้นล่ะ...ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มและสนุกสนาน
ถึงบางครั้งภายในหัวใจของฉันจะรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เพราะที่จริงแล้วภายในหัวใจของฉันนั้นทั้งเหงา
เงียบงัน และราวกับไม่มีใครสักคนในโลกที่เข้าใจ...
เมื่อตีบทผู้หญิงห้าวเมากลิ้งให้ลูก้าหัวเราะได้พักใหญ่ฉันก็เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนๆ
คนอื่นไม่กลับมารวมตัวกันเสียที
“ไรอันกับแอนหายไปด้วยกันเกือบชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย...?
” ฉันก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะลุกขึ้น “ฉันขอไปเดินตามหาสองคนนั้นแถวริมทะเลหน่อยนะ”
หลังจากจากนั้นฉันก็ปลีกตัวจากลูก้าและเดินไปตามชายหาดที่เวิ้งว้างกว้างไกล
สวยเหลือเกิน...เวลานี้ทะเลใต้ฟากฟ้าใกล้ค่ำงดงามราวกับถูกออกแบบเอาไว้
ผิวน้ำกว้างให้ความรู้สึกเยือกเย็นและลี้ลับราวกับจะดึงดูดคนที่เห็นให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งฝันที่ยากจะตื่นได้
แว่วเสียงคลื่นเริงร่าราวกับบทเพลง พื้นทรายในเงาราวกับกำลังบอกรักสายลมเย็นสบาย
บางทีแอนกับไรอันอาจจะกำลังเดินเล่นอยู่ที่ไหนสักที่ริมทะเลซึ่งไม่เคยหลับใหลแห่งนี้
แต่แล้วฝีเท้าของฉันก็ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นเงาเลือนรางของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลออกไป
ร่างสูงที่ดูหล่อเหลาราวกับรูปสลักเจ้าชายกำลังเหม่อมองห้วงน้ำ
ปล่อยสายลมเยือกเย็นพัดเส้นผมไล้ใบหน้าคมคาย และใบหน้านั้นเรียบนิ่งราวกับประติมากรรม
ดูงดงาม...ทว่าก็ยากจะเข้าถึงได้
อเล็กซ์นั่นเอง
แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่...?
“อัยย์? ” ร่างสูงที่สุดปลายสายตาของฉันหันกลับมา
ดวงตาคมเข้มในเงามืดดูประหลาดใจที่เห็นฉัน
ทว่าที่เหนือกว่าความประหลาดใจก็คือความไม่สบอารมณ์ที่ต้องมาเจอกัน
“มาทำไม? ” เขาถามห้วนสั้น
“มาหาแอน” ฉันตอบห้วนสั้นไม่แพ้กันพร้อมกับหันหลัง
“แต่ไม่อยู่ งั้นฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยว” หากทว่าอเล็กซ์กลับเรียกฉัน
ทำให้ฉันต้องหยุดฝีเท้าเอาไว้
“ฉันเห็นลูก้าสั่งดริ๊งค์ให้เธอ” น้ำเสียงของอเล็กซ์แสดงความไม่พอใจ
ดวงตาดูนิ่งแข็งแกมขุ่นเคือง
“นายหมายความว่าไง? ”
“ฉันว่า...เธอกับมันจะสนิทกันเร็วไปหน่อยไหม?
”
คำพูดของอเล็กซ์ทำให้ฉันนิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร
“สนิทอะไรกัน? ” ฉันบอกปัด “ฉันกับลูก้าก็แค่คุยกันเรื่อยเปื่อยเท่านั้น
แล้วเรื่องสั่งดริ๊งค์ให้เพื่อนก็ออกจะธรรมดา เขาแค่อยากต้อนรับฉัน”
“สนุกสินะ คุยกับลูก้า” อเล็กซ์ยังคงจ้องมองฉัน
และแววตานั้นดูไม่เป็นมิตรและคลางแคลง
“ใช่” ฉันตอบ
รู้สึกเกร็งและแปลกเพราะไม่เข้าใจว่าเขาถามเพื่ออะไร แล้วเขานิ่งไป
ความเงียบที่น่าอึดอัดทำให้ฉันก้าวเดินหนี
“เธอไม่รู้สึกตัวเหรอว่าเธอเป็นกันเองกับผู้ชายอย่างลูก้ามากเกินไป”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของอเล็กซ์หยุดฝีเท้าของฉันไว้ “บางทีเธอควรจะระวังท่าทีของตัวเอง
ฉันหมายถึงท่าทีของผู้หญิงที่ดี”
เพี้ยะ ฉันเหมือนถูกตบหน้า
นี่เขาเห็นฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน?
“หรือว่านายระแวงว่าฉันอาจจะสนใจลูก้าขึ้นมาหรือให้ท่าลูก้า...”
ฉันเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้...”
“ฉันจะขอเตือนไว้”
อเล็กซ์ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบและทำให้ฉันพูดต่อไม่ได้
ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาใกล้และหยุดนิ่ง แววตาดุดันและจริงจังราวกับจะฝังคำสั่งไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉันให้ได้
“ไม่ต้องสนิทกับพวกเราเกินไป” เขาเอ่ยปรามและทำให้น้ำเสียงข่มขู่นั้นสะท้อนแผ่วในหูของฉัน
ผสานไปกับเสียงของคลื่นทะเลและสายลมที่พัดผ่านเมื่อเขาทำให้ฉันรู้สึกราวกับถูกตบหน้าด้วยคำพูดที่เยือกเย็นยิ่งกว่าทุกครั้ง
“และฉันไม่เคยอยากเป็นเพื่อนกับเธอ
อัยย์”
เช้าวันต่อมาฉันกับแอนเดินลงไปที่ใกล้ชายหาดเพื่อกินอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรม
เชื่อไหมว่าห้องอาหารแห่งนี้เพิ่งถูกจัดอันดับโดยนิตยสารระดับโลกให้เป็นห้องอาหารชายทะเลอันดับหนึ่งของประเทศ
ถึงจะดูเรียบทว่าทั้งหรูและมีสไตล์ รายรอบกรุกระจกสูงที่เปิดให้เห็นวิวทะเลสีฟ้ากว้างไกล
แต่ทั้งที่จะได้เพลิดเพลินกับการนั่งในร้านอาหารหรูหราแห่งนี้ฉันก็กลับต้องเสียอารมณ์เข้าจนได้
“เฮ้ ไรอัน”
แอนร้องเรียกเพื่อนสนิทคนใหม่ทันทีที่เห็นเขาจากระยะไกล ไรอันกับเพื่อนๆ
กำลังนั่งกินอาหารอยู่ด้านในสุดของร้าน “ว้าว ดีใจจังเลยที่ได้เจอแต่เช้า”
“ไฮ” ไรอันโบกมือตอบแอน ทันทีกับที่เธอรีบวิ่งไปหาเขารวดเร็วจนฉันคว้าไม่ทัน
แอนนะแอน เธอทิ้งฉันไว้ข้างประตูเสียอย่างนั้น!
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม? “
ไรอันถามแอนด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะรีบลุกขึ้นจัดเก้าอี้ให้เธอนั่ง เขาจัดเก้าอี้ว่างเผื่อฉันด้วย
“นั่งด้วยกันนะ อ้าวอัยย์ ไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานั่งด้วยกันสิ”
ฉันยังยืนทื่อทั้งที่ไรอันชวน
ทำให้แอนต้องเดินกลับมาลากมือฉัน “ทำไมไม่เดินมาล่ะอัยย์ เป็นอะไรไป? ”
ฉันกำลังมองอเล็กซ์อยู่
และถ้าใครกำลังจ้องหน้าเขาก็คงไม่ต้องถามฉันว่าทำไมฉันถึงไม่เดินไป
เพราะคนคนนั้นเองก็ดูจะเซ็งไปถนัดใจเช่นกันที่เห็นฉันเข้า
“ก็...ไม่อยากไป
เราไปนั่งกันสองคนดีไหม? “ ฉันชวนแอน
“ไม่เอาหรอก ฉันจะนั่งกับไรอัน เธอเป็นอะไรเนี่ย
รีบมาเร็วสิ” พูดจบแอนก็ลากมือฉันไปที่โต๊ะของคนกลุ่มนั้นจนได้ พวกเขาอยู่กันเกือบครบแก๊ง
ไรอัน อเล็กซ์ ลูก้า โรเซีย...มีแต่เลอาห์เท่านั้นที่ไม่รู้อยู่ที่ไหน...
“เมื่อคืนฉันกับอัยย์หลับสบายมากเลย โรงแรมนี้หลับสบายกว่าบ้านตัวเองหลายเท่าเลยล่ะ”
แอนย้อนไปตอบคำถามของไรอันเมื่อนาทีก่อน
“ว่าแต่เธอสองคนพร้อมหรือยัง? ” ไรอันถาม
“นี่ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนะ
อีกครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เหรอ? ” แอนท้วง “พวก นายน่ะตื่นเช้าเกินไป
แล้วนี่กินข้าวกันเกือบเสร็จแล้วเหรอ ว้าว
ไม่น่าเชื่อเลยว่านายแบบนางแบบจะตื่นเช้าแบบนี้
ฉันนึกว่าคนดังอย่างพวกนายจะตื่นสายเสียอีก”
“แอนเธอพูดเรื่องอะไร จะไปไหน? ”
ฉันถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันกับเธอจะไปเที่ยวกับไรอันไง” แอนยิ้มกว้างจนตาหยี
ฉันหันไปมองอเล็กซ์ที่ตอนนี้ก้มหน้าดูโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะหน้าตัวเอง ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ
“เที่ยว!? ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย
ฉันไม่ไป” ฉันรีบเดินหนีแต่ก็ต้องหงายหลังเมื่อแอนดึงผมหางม้าของฉันไว้
“ไม่เอาน่าอัยย์ เมื่อคืนฉันกับไรอันนัดกันไว้แล้ว
ขอโทษนะที่ยังไม่ทันได้บอกเธอ แต่ที่แน่ๆ วันนี้จะเป็นวันที่สนุกและน่าจดจำที่สุดในชีวิตวัยรุ่นของเราแน่นอน! ”
“ฉันไม่ชอบเที่ยวหรอก
วันนี้ฉันขออยู่เฉยๆ พวกนายไปกันเองเหอะ”
ฉันแกะมือแอนออกจากผมหางม้าแล้วรีบเดินหนี
“เธอต้องไปนะอัยย์” ไรอันช่วยแอนดึงมือฉันอีกแรง
“ไปก่อนเวลาก็ได้ รอนานอเล็กซ์มันจะเปลี่ยนใจ รายนั้นใจร้อนจะตาย”
อเล็กซ์ที่ถูกพาดพิงเงยหน้าจากโน๊ตบุ๊คมามองเราครู่หนึ่ง
น่าแปลกที่ใบหน้าคนใจร้อนที่ไรอันพูดถึงไม่ได้ดูหงุดหงิดหรือร้อนใจเรื่องไปเที่ยวสักเท่าไหร่
ถ้าให้เดา...เรื่องเดียวที่จะทำให้เขาหงุดหงิดได้ก็คือการได้เห็นหน้าฉันอย่างไรล่ะ
“ไม่ต้องรีบ” อเล็กซ์บอกก่อนจะก้มดูโน๊ตบุ๊คของตัวเองต่อไป
“ฉันรอได้”
เขาพูดประชดใช่ไหม?
ฉันดึงเสื้อแอนและกระซิบบอกเธอ “ฉันไม่อยากไป”
“ทำไมล่ะ!? ” แอนถามดังลั่น
“ก็...”
ฉันอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อคืนฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องที่อเล็กซ์ข่มขู่ฉันให้แอนฟังเลย
เพราะพอฉันอาบน้ำเสร็จและตั้งท่าจะพูดเธอก็ผล็อยหลับเหมือนแมวขี้เซาไปแล้ว “ฉันว่าพวกเขาไม่อยากให้ฉันไปหรอก”
“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ? เลิกหยิ่งแล้วก็ทำตัวง่ายๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ”
“หยิ่ง!?” ฉันโดนว่าด้วยคำนี้อีกแล้วเหรอ
ฉันเกลียดคนหยิ่งที่สุดต่างหากล่ะ!
“ฉันไม่ได้หยิ่งนะ” ฉันเถียงแอน
“งั้นก็เลิกเล่นตัวซะที”
“เล่นตัว? ฉันเนี่ยนะ!? “
ตุ้บ! แอนดึงฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยแรงที่มากมายเหมือนซูโม่
ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมแอนไม่ไปว่าอเล็กซ์แทนล่ะ
หลังจากนั้นแอนก็ส่งยิ้มหวานให้เพื่อนใหม่
“รอฉันกับอัยย์แป๊บหนึ่งนะ พวกเราจะรีบกินรีบไป”
พูดจบแอนก็รีบเดินไปตักอาหารโดยมีไรอันอาสาไปช่วย
ฉันลุกขึ้นบ้างแต่แอนกลับพูดดักไว้เหมือนกลัวฉันหนี “นั่งอยู่นี่แหละ
ฉันจะตักมาให้ ไม่ต้องหาเรื่องหนีไปไหนอีกนะ เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย มึนชาเขียวเหรอ?
เอ๋ แต่ฉันเป็นคนกินนี่นา...” แอนเอียงหัวอย่างงุนงงแล้วเดินจากไป
“งั้นฉันจะตักมาเผื่ออัยย์ด้วย
ฉันกำลังจะไปหยิบโยเกิร์ตที่สลัดบาร์พอดี” โรเซียยิ้มให้ฉันก่อนที่เธอกับลูก้าจะลุกขึ้นไปตักอาหารเพิ่มพร้อมกัน
ฉันหายใจฮึดฮัดก่อนจะเตรียมนั่งลง แต่ทันใดนั้นอเล็กซ์ก็พูดขัดขึ้น
“นั่งที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ? ”
เขาบอกเสียงเรียบและห้วนสั้น ฉันนิ่งอึ้งและหน้าชา เมื่อคิดดูดีๆ เก้าอี้ที่ฉันถูกแอนดึงให้นั่งลงเป็นเก้าอี้ที่ติดกับลูก้า
“ฉันไม่ชอบ” เขาบอกแค่นั้น
และคำพูดของเขาก็ราวกับตบหน้าฉันจนหัน ครั้งนี้เป็นอีกครั้งแล้วที่อเล็กซ์แสดงความเกลียดชังอย่างตรงไปตรงมา
ฉันคิดผิดจริงๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้
“ฉันก็ไม่ได้อยากนั่งแถวนี้หรอก”
ฉันหันหลังจะเดินไปนั่งที่อื่น แต่เขากลับส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะลุกขึ้นและก้าวมายืนขวางฉันไว้
“อะไรอีกล่ะ? ” ฉันถามอย่างไม่พอใจ
ไม่เข้าใจเลยว่าในเมื่อไล่ฉันแล้วเขาจะมายืนขวางอยู่แบบนี้ทำไม!?
“มานั่งนี่” เขาบอกราวกับสั่ง พลางเพยิดหน้าบอกให้ฉันไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกันกับเขา
แต่ฉันยังยืนนิ่งอยู่ทำให้เขารำคาญจนต้องดุนฉันเบาๆ พอฉันนั่งลงด้วยสีหน้าบึ้งตึงแล้วเขาก็นั่งลงบ้างก่อนจะจดจ่อกับโน๊ตบุ๊คต่อไป
ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรกับผู้ชายประหลาดอย่างเขาแล้ว
ใครช่วยบอกฉันทีว่าฉันต้องทำตัวแบบไหน!?
“ลูก้ากับฉันมีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง
เราเป็นเพื่อนกันมานาน และฉันรู้จักมันดีกว่าใคร” พักใหญ่หลังจากทำเหมือนฉันเป็นแค่กรวดทรายที่ไร้ความหมายเขาถึงค่อยพูดออกมา
“ลูก้าเป็นเพลย์บอยมาตลอด แต่เพิ่งไม่นานมานี้มันตัดสินใจจะรักโรเซียเป็นคนสุดท้าย
ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนแสนดีและเปราะบางเหมือนโรเซีย”
ฉันนิ่งอึ้งด้วยความประหลาดใจ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อเล็กซ์พูดกับฉันยืดยาวแบบนี้
“แต่ที่แน่ๆ ก็คือฉันไม่มีวันยอมให้ลูก้าทำให้โรเซียเสียใจ”
อยู่ๆ น้ำเสียงของอเล็กซ์ก็เปลี่ยนจากเรียบเรื่อยเป็นแข็งห้วนก่อนจะนิ่งไป
“นายกำลังจะบอกอะไร? ”
“รู้ไหม
สิ่งที่ทำให้ฉันไม่ชอบก็คือ...” คราวนี้อเล็กซ์ละสายตาจากโน๊ตบุ๊คมาจ้องมองฉัน
แววตาสีดำสนิทนั้นกร้าวแข็งจนทำให้ทั้งร่างของฉันนิ่งเกร็ง “เธอไง”
ฉันหน้าชา
แสบไปหมดเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง “นาย...! ”
โครม! เมื่อฉันถีบตัวลุกขึ้นด้วยความโกรธสุดขีดเก้าอี้ก็ล้มลง
คนทั้งร้านหันมามองฉันกับอเล็กซ์เป็นตาเดียว
“โมโหหิวเหรออัยย์ ใจเย็นหน่อยสิ”
แอนที่เดินกลับมาพอดีพร้อมกับโรเซียและลูก้าทำให้ฉันไม่ทันต่อว่าอเล็กซ์ได้ ส่วนอเล็กซ์ก็แค่เงียบไปและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันได้แต่ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้
ไม่เข้าใจเลย...อเล็กซ์พูดเรื่องที่เขาจะไม่มีวันยอมให้ลูก้าทำร้ายจิตใจโรเซียทำไม
ลูก้าไม่มีวันทำแบบนั้นอยู่แล้ว สองคนนี้รักกันขนาดไหนใครก็รู้ หรือว่าอเล็กซ์ชอบโรเซีย?
แต่เขาคบเลอาห์อยู่ไม่ใช่หรือไง?
ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันเข้าใจอยู่อย่างเดียวว่าอเล็กซ์เกลียดหน้าฉัน
เขาไม่อยากให้ฉันอยู่ใกล้เขาหรือเพื่อนของเขาคนไหนทั้งนั้น แล้วอาหารมื้อเข้าของโรงแรมหกดาวที่น่าจะอร่อยที่สุดในชีวิตของฉันก็กลับกลายเป็นอาหารที่ขมจนแทบจะกินไม่ได้
ครู่เดียวเลอาห์ก็เดินเข้ามาหาพวกเราและชวนอเล็กซ์ไปเดินเล่นกับเธอที่ชายหาด
ส่วนไรอันกับแอนถึงจะกินอาหารเช้าเสร็จแล้วแต่ก็ยังคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน โรเซียที่กินเสร็จแล้วเหมือนกันหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา
และเมื่อเธอเปิดมันออกฉันก็เห็นว่ามีสร้อยคอ สร้อยข้อมือรวมทั้งอุปกรณ์ร้อยสร้อยวางอยู่ภายใน
เงาสะท้อนของไข่มุก ลูกปัดคริสตัลและดอกกุหลาบขนาดจิ๋วหล่อจากเรซินสะท้อนวิบวับกับแสงไฟ
เมื่อโรเซียหยิบลูกปัดขึ้นมาฉันก็อดถามไม่ได้
“โรเซีย เธอกำลังจะทำอะไรเหรอ? ”
“งานอดิเรกน่ะ
ฉันชอบทำงานฝีมือแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” เธอยิ้มด้วยริมฝีปากสีกุหลาบ
“เธอเก่งจัง มันดูสวยมากเลย...” ฉันทึ่งเมื่อเฝ้ามองสร้อยในมือของเธอที่เริ่มถูกร้อยเป็นเส้นยาว
“สร้อยนี้ดูสวยเหมือนตัวเธอเลยนะโรเซีย
ทั้งบอบบางแล้วก็อ่อนหวาน ฉันว่ามันดูเหมือนเครื่องประดับของเจ้าสาวเลยล่ะ”
“เธอคิดแบบนั้นเหรอ? ”
“เธอเตรียมสร้อยพวกนี้ไว้สำหรับงานหมั้นกับลูก้าใช่ไหม?
”
แก้มของโรเซียเรื่อสีแดงเมื่อได้ยินชื่อของลูก้า
เธอยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “ไม่หรอก
ฉันทำเล่นๆ เท่านั้นเอง”
“จริงสิ นางแบบอย่างเธอถ้าเป็นวันหมั้นหรือแต่งงานคงเลือกใส่สร้อยราคาแพงจากแบรนด์ดังอย่างแอร์เมสหรือชาแนลจริงไหม”
ฉันยิ้ม “แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ฉันชอบงานทำมือแบบนี้ของเธอยิ่งกว่าสร้อยแพงๆ
พวกนั้นเสียอีกนะ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“ลูก้าโชคดีจังเลย
นอกจากจะได้ว่าที่คู่หมั้นแสนสวยแล้วยังมีพรสวรรค์ในการทำสร้อยมากๆ ด้วย”
“ขอบใจนะอัยย์ เธอชมฉันตลอดเลย”
จริงด้วยสิ ฉันเผลอชมโรเซียอีกแล้วราวกับเธอเป็นนางฟ้าประจำตัวของฉัน
...ถ้าหากว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันจะมีสิทธิครอบครองนางฟ้าประจำตัวที่แสนสวยแบบนี้ได้...
“มันดูสวยจัง...สวยเหมือนเธอเลยโรเซีย”
ฉันมองสร้อยกุหลาบแวววาวสลับกับใบหน้าสวยหวานของโรเซียอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ถ้าเธอชอบ...ฉันให้” โรเซียยิ้มอ่อนโยนก่อนจะดึงมือของฉันไปและผูกสร้อยเส้นหนึ่งให้
“ให้ฉันเหรอ? “ ฉันตกใจ
เขินและเกร็งจนทำตัวไม่ถูก “ทะ...ทำไมล่ะโรเซีย!? มันจะดีเหรอ ไม่เอาดีกว่า”
“รังเกียจเหรอ? ”
“มะ...ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย” ฉันส่ายหน้า
“เอ่อ...ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสร้อยเส้นนี้น่ะ มันสวยเกินไป แถมเธอยังทำเองกับมืออีก”
“เธอนี่ตลกจังอัยย์
ทำไมต้องเกร็งขนาดนั้นด้วย แล้วก็เลิกพูดว่าตัวเองไม่ดีพอหรือไม่คู่ควรได้ไหม? ”
โรเซียหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะผละมือออกไปและทิ้งสร้อยแสนสวยไว้บนข้อมือของฉัน
“ได้โปรดเถอะ รับไว้”
หัวใจของฉันเต้นรัวด้วยความเขินและเกรงใจ
โรเซียน่ารักเกินไปแล้วจริงๆ และสร้อยไข่มุกประดับกุหลาบของเธอที่ผูกไว้บนข้อมือของฉันก็ไม่ได้น่ารักน้อยไปกว่าหัวใจที่อ่อนโยนของเธอเลย
“ไปกันได้แล้ว” อยู่ๆ เสียงห้วนแข็งของคนที่เกลียดหน้าฉันก็ปลุกฉันให้สะดุ้งตื่นจากภวังค์ฝัน
ฉันกำลังหลงรักโรเซียอย่างเคลิบเคลิ้มอยู่เชียว และเมื่อหันตามต้นเสียงฉันก็เห็นคนคนนั้นกำลังมองมาทางฉันและโรเซีย
ใบหน้าราบเรียบที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
“ค่ะ” แอนตอบแทนฉัน แต่อเล็กซ์คงไม่ได้ยินหรอกเพราะเขาหันหลังและเดินนำออกไปนอกห้องแล้ว
ตามด้วยไรอันที่เรียกเราเสียงดังและวิ่งตามหัวหน้าแก๊งผู้เย็นชาไป
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว! ”
ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนพวกนี้กำลังจะไปไหน
และในอีกไม่กี่อึดใจฉันก็จะได้รู้แล้วว่าวันนี้จะไม่เหมือนกับวันไหนๆ
ในชีวิตที่ผ่านมาของฉันเลย!