protect copy

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Fire and Salt บทที่ 2 Beautiful Lovers












“เอ๋? ” เสียงชัตเตอร์จากโทรศัพท์มือถือของฉันทำให้ลูก้าและโรเซียประหลาดใจ
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะ” ฉันบอกก่อนจะถ่ายรูปลูก้ากับโรเซียคู่กันอีกหลายรูป ยิ้มและถอนหายใจด้วยความสุขกับภาพคู่รักสวยไร้ที่ติที่ฉันถ่ายได้ ความรักของโรเซียกับลูก้าทำให้หัวใจของฉันอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเลย
...ทั้งที่ฉันไม่เคยเชื่อในความรัก และที่จริง...ฉันเกลียดความรักด้วยซ้ำไป...
“เธอสองคนดูดีมากจริงๆ นั่นล่ะ” ฉันชมอีกครั้งจากใจ
“ขอดูด้วยคนสิ...อัยย์ ว้าว เธอถ่ายรูปเก่งจัง” ลูก้ากับโรเซียเอ่ยชมรูปในโทรศัพท์มือถือของฉัน ลูก้าขอให้ฉันเปิดไอจีของตัวเองให้พวกเขาดูรูปที่ฉันถ่ายเล่นไว้ด้วย
“พวกเธอสองคนดูดีเองต่างหากล่ะ เชื่อสิว่าต่อให้หลับตาถ่ายก็ยังสวย” ฉันบอก
“ไม่หรอก เธอพูดเกินไปแล้วล่ะ ฉันว่าเธอถ่ายรูปเก่งต่างหาก ดูเธอจะมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ” ลูก้ายิ้มให้ฉันก่อนจะเลื่อนดูรูปในไอจีของฉันต่อไป
“ดูอะไร? ” อยู่ๆ น้ำเสียงเรียบห้วนก็ดังขึ้นเหนือหัวไหล่ของฉัน ทำให้ฉันรู้ว่าอเล็กซ์กลับขึ้นมาที่ขอบสระแล้ว เขาคว้ามือถือของฉันไปจากลูก้าเพื่อที่ปลายนิ้วเรียวยาวพราวหยดน้ำจะเลื่อนดูรูปในโทรศัพท์มือถือของฉันบ้าง ดวงตาสีดำงดงามที่จ้องมองรูปของฉันดูเรียบนิ่งและอ่านยาก
“ไม่ถ่ายหน้า? ” อเล็กซ์ถามขึ้นลอยๆ ราวกับต่อว่า “ถ่ายแต่รองเท้า?”
“นั่นสิ” ลูก้าพูดเสริม “เธอไม่ถ่ายหน้าตัวเองเลยนะอัยย์ อีกรูปนี่ก็ถ่ายแค่มือของตัวเองที่ชูไอศกรีมสีชมพูขึ้นฟ้า”
ลูก้าเลื่อนรูปภาพต่อไปอีก “รูปดอกหญ้า รูปหน้าแมว รูปนี้เธอถ่ายหน้าตัวเองแล้วแต่เห็นแค่จมูกกับปาก รูปพวกนี้มันก็ดูอาร์ตดีหรอกนะ แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้”
“ไม่แปลกหรอก มีคนหลายคนในโลกที่ไม่ค่อยถ่ายรูปหน้าตัวเองนะ” ฉันแก้ตัว
“แล้วนี่พอถ่ายรูปตัวเองเต็มตัวก็ถ่ายหันหลังซะอย่างนั้น เป็นเซลฟี่ที่ฉันไม่เข้าใจเลย” โรเซียพูดบ้างก่อนจะหันมาถามฉัน “อัยย์ เธอเป็นพวกต่อต้านสังคมหรือเกลียดตัวเองเหรอ? ”
“โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่ารูปของฉันออกจะแปลกๆ ขอโทษนะ” ฉันถอนหายใจ “แต่แค่ แปลกนะโอเคไหม?  มันไม่ใช่รูปถ่ายที่ดีพอจะเรียกว่าอาร์ตหรอก”




พอพวกเขาทักฉันก็ต้องยอมรับว่ารูปถ่ายของฉันดูแปลกประหลาดจริงๆ เสียด้วย รูปหนึ่งฉันก้มถ่ายแต่รองเท้าของตัวเอง อีกรูปหนึ่งฉันถ่ายตัวเองเล็กจิ๋วแต่ทิวทัศน์เวิ้งกว้างกว้างไกล  ส่วนอีกรูปฉันถ่ายลายมือแสนธรรมดาของตัวเองที่เขียนข้อความตลกๆ เอาไว้ ก่อนจะลงลายเซ็นเต็มรูปแบบราวกับข้อความนั้นเป็นวาทะของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...
“ฉันก็แค่คนธรรมดา” ฉันบอกพวกเขา “ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ”
“ฉันรู้แล้วล่ะ อัยย์เป็นฮิปสเตอร์” ไรอันหาทางตั้งหมวดของความเป็นมนุษย์ให้ฉัน เขาสงสารและกลัวว่าฉันจะเป็นพวกแปลกแยกที่ไม่มีใครอยากคบละมั้ง อาจใช่ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือฉันไม่สนใจสักเท่าไหร่ว่าใครจะคิดกับฉันอย่างไร
“ใช่ไหมอัยย์? หรือเธอเป็นอินดี้? ” โรเซียถามบ้าง
“ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่ใช่คนประเภทไหนทั้งนั้นฉันส่ายหน้า “ฉันไม่เท่พอที่จะจัดไว้ในกลุ่มไหนหรอก แล้วฉันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเหมือนพวกนายหรอกนะ เพราะฉะนั้นเลิกพูดเรื่องฉันกันได้แล้ว...”
“หรือเบื่อหน้าตัวเอง? ” อเล็กซ์ถามขึ้นบ้าง ดวงตาสีดำสนิทคมกริบนิ่งมองฉันราวกับจับวาง บางทีเขาอาจกำลังเยาะเย้ยหรือดูถูกฉัน
“หรือหน้าไม่สวย? ” เขาถามอีก และแต่ละคำถามของอเล็กซ์ก็ทำให้ฉันชักสีหน้า ถึงจะเป็นความจริงที่ฉันไม่เคยคิดถ่ายรูปหน้าของตัวเองเพราะไม่เห็นว่ามันสวยหรือน่าสนใจตรงไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาพูดหยาบคาย อีกอย่างเขาต่อว่าฉันหลายครั้งแล้วด้วย!
“เขาเรียกว่า แนว ต่างหากอเล็กซ์” แอนแก้ตัวให้ฉัน ไม่พลาดที่จะหาคำศัพท์ของกลุ่มคนประหลาดมาจัดประเภทให้ฉันบ้าง “แต่เรียกเท่ๆ ว่าฮิปสเตอร์เหมือนที่ไรอันบอกก็แล้วกัน ฉันเห็นด้วยกับไรอัน”
ดูแอนกับไรอันจะเข้าใจกันดีเหลือเกิน เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ
“เฮ้ แต่อัยย์ถ่ายรูปคนเก่งมากนะ รูปพวกนี้ดูเหมือนงานของมืออาชีพเลย บางรูปสวยกว่าด้วยซ้ำไป” ไรอันเอ่ยชมฉันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขากำลังชะโงกหน้าดูโพสต์เก่าๆ ของฉันที่อเล็กซ์เลื่อนดูอยู่ ส่วนแอนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยอีกเสียง
“แค่รูปเพื่อนๆ เท่านั้นล่ะ พวกนั้นชอบแต่งหน้าทำผมแล้วก็โพสต์รูปตัวเองวันละหลายครั้ง บางทีพวกเธอหาคนถ่ายรูปให้ไม่ได้ก็เลยมาขอให้ฉันถ่ายให้” ฉันอธิบาย
“เธอรับจ้างถ่ายรูปให้พวกเขาเหรอ? ” โรเซียถาม
“ฉันถ่ายฟรีจ้ะ ฝีมือแบบนี้คิดเงินใครไม่ได้หรอก” พูดจบฉันก็ดึงโทรศัพท์มือถือกลับจากมือของอเล็กซ์ พวกเขาจะได้เลิกสนใจเรื่องส่วนตัวที่น่าเบื่อหน่ายของฉันเสียที
“ฉันมีข่าวดีมาบอกล่ะ ปีหน้าฉันกับลูก้าจะหมั้นกัน” โรเซียพูดขึ้น ข่าวตื่นเต้นของเธอทำให้เพื่อนๆ เฮลั่น แล้วเธอหันมาพูดกับฉัน “อัยย์ ตอนที่เราจัดงานที่อังกฤษเธอช่วยถ่ายรูปให้เราได้ไหม ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอฟรีและจองห้องพักในโรงแรมเดียวกับเราให้ด้วย”
“เอ๋? ทำไมล่ะ!?” ฉันร้องเสียงดังและโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้หรอก ฉันถ่ายรูปไม่เก่งขนาดนั้นแล้วก็ไม่คู่ควรจะถ่ายรูปงานหมั้นให้เธอด้วย”
 “แต่เธอถ่ายรูปสวยมากนะ ฉันไม่เคยเห็นใครถ่ายรูปได้ดูน่าสนใจเท่านี้มาก่อนเลย”
“ฉันเนี่ยนะ!? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า” ฉันส่ายหัวและโบกมือปฏิเสธเร็วขึ้นอีกจนแม้แต่ตัวเองยังตาลาย ทำให้ลูก้ากับโรเซียหัวเราะสนุกสนาน
“เลิกถ่อมตัวได้แล้ว ฉันชอบรูปถ่ายของเธอมากจริงๆ นะ เธอต้องถ่ายรูปให้ฉัน ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน”
“แต่...”
“ถ้าเธอไม่ยอมฉันจะร้องไห้แล้วนะ” โรเซียเริ่มบีบน้ำตา
“เดี๋ยว อย่านะ” ฉันเดือดร้อนต้องจนกระโดดลุกขึ้นห้าม “ถ้าอย่างนั้น...แล้วแต่เธอก็ได้ แต่ถ้าฉันถ่ายรูปไม่ถูกใจฉันต้องขอโทษล่วงหน้านะ”
“ต้องอย่างนั้นสิ ขอบคุณเธอมากนะ” โรเซียกระโดดกอดฉัน ดะ...เดี๋ยวสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราเพิ่งรู้จักกัน? “อัยย์เธอน่ารักที่สุดเลย!
อ้อมกอดนุ่มนิ่มของโรเซียทำให้ฉันหน้าแดง อา...ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย นี่ความฝันสูงสุดในชีวิตของฉันที่อยากได้ไปต่างประเทศสักครั้งกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาง่ายๆ แบบนี้เองเหรอ? ไม่น่าเป็นไปได้ ฉันโชคดีเกินไป...
ที่สำคัญทำไมฉันถึงมารู้จักกับเจ้าหญิงที่แสนสวยและใจดีขนาดนี้ได้นะ โรเซียไม่ใช่แค่นางแบบหากแต่เป็นนางฟ้า จริงสิ เธอต้องเป็นนางฟ้าประจำตัวฉันแน่ๆ  และฉันสัญญาว่าจะรักและดูแลนางฟ้าประจำตัวคนนี้อย่างดีที่สุดเลยล่ะ ฉันไม่เคยมีความสุขและหลงรักใครเท่านี้มาก่อนเลย!
แล้วอยู่ๆ นางฟ้าของฉันก็ลุกขึ้น “ฉันจะตามเลอาห์ไปที่สปาก่อนนะ อัยย์อยากไปกับฉันไหม?  โรงแรมแวนครอฟของอเล็กซ์ได้ชื่อว่ามีสปาที่ยอดเยี่ยมติดอันดับโลกเลยนะ”
“คนบ้าจี้อย่างฉันคงะไปนวดไม่ได้ ขอไม่ไปด้วยดีกว่าจ้ะ” ฉันปฏิเสธอย่างสุภาพ
“งั้นก็ไม่เป็นไร ไว้เจอกันใหม่นะ” โรเซียยิ้มงดงาม และฉันมองตามเธอที่เดินจากไปด้วยความคิดถึงและเสียดาย
พอโรเซียไม่อยู่เพื่อนๆ ก็ดูเงียบลงไป ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าแอนกับไรอันไม่ได้อยู่ข้างๆ ฉันแล้ว ไม่รู้ว่าสองคนนี้ลุกหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลานี้ที่ริมสระเหลือแค่ลูก้า อเล็กซ์และฉัน ก่อนที่อีกครู่เดียวอเล็กซ์จะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวริมสระทำให้เหลือแต่ฉันกับลูก้าที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“อัยย์ชอบมาเที่ยวทะเลเหรอ? ” ลูก้าถามฉัน
“ใช่ ชอบมากเลยล่ะ”
“เหมือนกัน”
“แต่ที่จริงฉันไม่ได้มีเงินขนาดที่จะมาพักโรงแรมสุดหรูแบบนี้ได้หรอกนะ ต่อให้เก็บเงินทั้งชีวิตก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าฉันมาพักฟรี”
“พักฟรี? ” ลูก้าประหลาดใจ “โรงแรมแพงขนาดนี้พักฟรีได้ด้วยเหรอ? บอกวิธีฉันบ้างสิ”
“ดื่มชาเขียวไง”
“ดื่มชาเขียวแล้วทำไม? ”
“แอนเพื่อนฉันไม่ได้กินดื่มขวดเดียวนะสิ เธอดื่มเยอะมากจนทำให้จับฉลากชนะรางวัลที่พักฟรีนี้มาได้”
“นี่พวกเธอมาด้วยรางวัลจากบริษัทชาเขียวอย่างนั้นเหรอ!? “ลูก้า
ประหลาดใจ “ถ้างั้นต้องกินกี่ขวดล่ะ? ”
“ฉันไม่รู้หรอก”
“ลองเดาก็ได้”
“หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยแปดหกเจ็ดขวด”
“อะไรนะ!? ” ลูก้าแทบหงาย “เดี๋ยว เมื่อกี้เลขมั่วใช่ไหม? ”
“ฉันพูดเล่น แค่หนึ่งพัน...มั้ง...”
ลูก้าอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะชอบใจ “ถึงอย่างนั้นก็เหอะ แอนที่น่าสงสาร ดื่มมากขนาดนั้นเธออาจจะเป็นโรคตาค้างก็ได้”
“ฮะๆๆๆ กินชาเขียวทำให้ผิวสวยและหน้าเด็กต่างหาก” ฉันแก้ตัวให้
“ไม่เชื่อหรอก กินเยอะขนาดนั้นตาต้องค้างแน่”
“ไม่หรอกน่า”
“อย่าอำฉันสิอัยย์”
“ฮ่าๆๆ จะให้ฉันพูดความจริงก็ได้ แอนตาค้างทุกคืนจนดูซีรี่ส์เกาหลีทั้งหมดที่ออกในช่วงสามปีมานี้ครบทุกเรื่อง ตอนนี้เธอนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่ส์ไปแล้ว”
“ฉันไม่เคยดูซีรี่ส์เกาหลีเลย นางเอกพวกนั้นเป็นแบบไหนเหรอ? “
“ก็...” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสวมบทเป็นนางเอกเกาหลีให้ลูก้าดู ฉันพูดและทำท่าเหมือนในซีรี่ส์เรื่องล่าสุด ตีบทแตกกระจาย น้ำตาไหลพรากและโวยวายจนน่าจะได้รางวัลส้มเน่า จากนั้นฉันก็สวมบทนางเอกที่ดื่มชาเขียวจนตาค้างเพื่อล้อเลียนแอน ทำเอาลูก้าหัวเราะจนปวดท้อง
“โอย สงสารแอนจัง ต้องดื่มชาเขียวเยอะขนาดนั้น” ลูก้าหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“ไม่ต้องสงสารคนแบบนั้นหรอก ดูสิทิ้งฉันไปสนุกกับไรอันถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“เธอเหงาเหรอ? “
“เปล่า ไม่เหงาเลย”
ลูก้าหยุดหัวเราะและจ้องมองฉัน ดวงตางดงามที่ราวกับภาพวาดนั้นดูจริงจัง “เธอมีแฟนหรือยังอัยย์? ”
“เอ๋? เอ่อ...” ฉันงุนงงที่ลูก้าเปลี่ยนเรื่องคุยเร็วขนาดนี้ได้ “ยัง ฉันน่าเกลียด นิสัยก็แย่เลยไม่มีใครสนใจ”
“ฉันเห็นด้วย เธอนิสัยแย่จริงๆ ” ลูก้าหยักยิ้มงดงาม “แต่ก็ดีแล้ว”
“ดี? ทำไมล่ะ?”
“ก็...แค่คิดว่าดี ไม่มีอะไรหรอก” ลูก้าพูดเท่านั้นก่อนจะกระดกวอดก้าผ่านริมฝีปาก ดวงตางดงามบนใบหน้าที่เชื่อได้เลยว่าผู้หญิงทั้งโลกต้องหลงรักจ้องมองฉันอย่างครุ่นคิด
“แต่...เพราะอะไรล่ะ? ” เขาเอ่ยถาม “พอจะบอกฉันได้หรือเปล่าว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟน
“ก็แค่ไม่อยากมี อยากเป็นโสด อยากอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต” ฉันตอบ
“อัยย์ เธอทำให้ฉันตลกอีกแล้ว” ลูก้ายิ้มงดงามอีก
“เอาเลย หัวเราะให้ขาดใจไปเลย แต่ฉันพูดจริง เรื่องนี้ไม่ได้ล้อเล่นเลย”
“ทำไมล่ะ? ”
“เฮ้อ...ก็...”
นี่ฉันต้องเล่าจริงๆ ใช่ไหม...? เรื่องน่าปวดใจพวกนั้นที่อยากจะลืมแต่ก็ลืมไม่ได้...
“พ่อของฉันเป็นผู้ชายหลายใจ พ่อทิ้งแม่ไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม่ของฉันรอพ่อมาตลอดและไม่เคยรักใครอีก แต่สำหรับฉันแม่ทั้งสิ้นคิดและเปราะบาง แล้วเธอก็ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับตัวเองไปวันๆ เท่านั้น” ฉันถอนหายใจ
“แย่จัง ฉันเสียใจด้วยนะอัยย์”
“แล้วพ่อก็ไม่เคยกลับมา” ฉันกำมือ หยุดพูดเมื่อสังเกตว่าตัวเองกำลังเสียงสั่น ฉันไม่เคยโกรธพ่อน้อยลงทั้งที่เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว
ลูก้าเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นฉันที่ร่าเริงมาตลอดเกิดเสียใจขึ้นมากะทันหัน เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจลุกมานั่งฝั่งเดียวกันและเคลื่อนมือมาตบไหล่ฉันดังตุบๆ
แล้วเราก็นิ่งกันไป ครู่หนึ่งลูก้าก็หันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากบริกร ก่อนจะยื่นแก้วแวววาวที่บรรจุของเหลวสีกุหลาบงดงามให้ฉัน “สำหรับเธอ”
“เอ๋? ทำไมต้องให้ฉันด้วยล่ะ? ”
“สำหรับเด็กดีและเพื่อนใหม่” ลูก้ายิ้มบางอย่างอ่อนโยน “ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า แต่ไม่มีแอลกอฮอล์หรอกนะวางใจได้”
“ขอบใจนะ แต่...” ฉันนิ่งไป ลูก้าจ้องมองฉันที่กำลังเม้มปากและกำแก้วแน่นก่อนจะเปล่งเสียงดัง “แต่คิดเรื่องนี้แล้ว...ฉันอยากเมา!
ฉันหายเศร้าแล้วและกลับมาเป็นคนตลกเฮฮาเหมือนเดิมด้วยท่าทางสั่งเหล้าราวกับนักเลง “เฮ้ พี่ชาย เอาเหล้ามาหน่อยค่ะ!
“อัยย์...? “ ลูก้าอ้าปากค้าง เขาคงจะงงน่าดูที่อยู่ๆ ฉันซึ่งเมื่อกี้เปราะบางเหมือนนางเอกถูกนางอิจฉาทำร้ายกลับกลายเป็นนางเอกหนังแอ็คชั่นไปได้ ฉันมักจะคลายความเศร้าให้ตัวเองง่ายๆ แบบนี้ เพราะคิดถึงเรื่องที่พ่อทิ้งแม่ไปเมื่อไหร่ก็ทำให้ฉันเซ็งสุดขีดได้ทุกทีสิน่า แล้วท่ากระดกพันช์เข้าปากราวกับสาวห้าวของฉันก็ทำให้ลูก้าหัวเราะลั่น
ฉันชอบทำแบบนั้นล่ะ...ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มและสนุกสนาน ถึงบางครั้งภายในหัวใจของฉันจะรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เพราะที่จริงแล้วภายในหัวใจของฉันนั้นทั้งเหงา เงียบงัน และราวกับไม่มีใครสักคนในโลกที่เข้าใจ...
เมื่อตีบทผู้หญิงห้าวเมากลิ้งให้ลูก้าหัวเราะได้พักใหญ่ฉันก็เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนๆ คนอื่นไม่กลับมารวมตัวกันเสียที
“ไรอันกับแอนหายไปด้วยกันเกือบชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย...? ” ฉันก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะลุกขึ้น “ฉันขอไปเดินตามหาสองคนนั้นแถวริมทะเลหน่อยนะ”
หลังจากจากนั้นฉันก็ปลีกตัวจากลูก้าและเดินไปตามชายหาดที่เวิ้งว้างกว้างไกล
สวยเหลือเกิน...เวลานี้ทะเลใต้ฟากฟ้าใกล้ค่ำงดงามราวกับถูกออกแบบเอาไว้ ผิวน้ำกว้างให้ความรู้สึกเยือกเย็นและลี้ลับราวกับจะดึงดูดคนที่เห็นให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งฝันที่ยากจะตื่นได้ แว่วเสียงคลื่นเริงร่าราวกับบทเพลง พื้นทรายในเงาราวกับกำลังบอกรักสายลมเย็นสบาย บางทีแอนกับไรอันอาจจะกำลังเดินเล่นอยู่ที่ไหนสักที่ริมทะเลซึ่งไม่เคยหลับใหลแห่งนี้
แต่แล้วฝีเท้าของฉันก็ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นเงาเลือนรางของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลออกไป ร่างสูงที่ดูหล่อเหลาราวกับรูปสลักเจ้าชายกำลังเหม่อมองห้วงน้ำ ปล่อยสายลมเยือกเย็นพัดเส้นผมไล้ใบหน้าคมคาย และใบหน้านั้นเรียบนิ่งราวกับประติมากรรม ดูงดงาม...ทว่าก็ยากจะเข้าถึงได้
อเล็กซ์นั่นเอง แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่...?
“อัยย์? ” ร่างสูงที่สุดปลายสายตาของฉันหันกลับมา ดวงตาคมเข้มในเงามืดดูประหลาดใจที่เห็นฉัน  ทว่าที่เหนือกว่าความประหลาดใจก็คือความไม่สบอารมณ์ที่ต้องมาเจอกัน
“มาทำไม? ” เขาถามห้วนสั้น
“มาหาแอน” ฉันตอบห้วนสั้นไม่แพ้กันพร้อมกับหันหลัง “แต่ไม่อยู่ งั้นฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยว” หากทว่าอเล็กซ์กลับเรียกฉัน ทำให้ฉันต้องหยุดฝีเท้าเอาไว้
“ฉันเห็นลูก้าสั่งดริ๊งค์ให้เธอ” น้ำเสียงของอเล็กซ์แสดงความไม่พอใจ ดวงตาดูนิ่งแข็งแกมขุ่นเคือง
“นายหมายความว่าไง? ”
“ฉันว่า...เธอกับมันจะสนิทกันเร็วไปหน่อยไหม? ”
คำพูดของอเล็กซ์ทำให้ฉันนิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร
“สนิทอะไรกัน? ” ฉันบอกปัด “ฉันกับลูก้าก็แค่คุยกันเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แล้วเรื่องสั่งดริ๊งค์ให้เพื่อนก็ออกจะธรรมดา เขาแค่อยากต้อนรับฉัน”  
“สนุกสินะ คุยกับลูก้า” อเล็กซ์ยังคงจ้องมองฉัน และแววตานั้นดูไม่เป็นมิตรและคลางแคลง
“ใช่” ฉันตอบ รู้สึกเกร็งและแปลกเพราะไม่เข้าใจว่าเขาถามเพื่ออะไร แล้วเขานิ่งไป ความเงียบที่น่าอึดอัดทำให้ฉันก้าวเดินหนี
“เธอไม่รู้สึกตัวเหรอว่าเธอเป็นกันเองกับผู้ชายอย่างลูก้ามากเกินไป” เป็นอีกครั้งที่คำพูดของอเล็กซ์หยุดฝีเท้าของฉันไว้ “บางทีเธอควรจะระวังท่าทีของตัวเอง ฉันหมายถึงท่าทีของผู้หญิงที่ดี”
เพี้ยะ ฉันเหมือนถูกตบหน้า นี่เขาเห็นฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน?
“หรือว่านายระแวงว่าฉันอาจจะสนใจลูก้าขึ้นมาหรือให้ท่าลูก้า...” ฉันเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้...”
“ฉันจะขอเตือนไว้” อเล็กซ์ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบและทำให้ฉันพูดต่อไม่ได้ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาใกล้และหยุดนิ่ง แววตาดุดันและจริงจังราวกับจะฝังคำสั่งไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉันให้ได้
“ไม่ต้องสนิทกับพวกเราเกินไป” เขาเอ่ยปรามและทำให้น้ำเสียงข่มขู่นั้นสะท้อนแผ่วในหูของฉัน ผสานไปกับเสียงของคลื่นทะเลและสายลมที่พัดผ่านเมื่อเขาทำให้ฉันรู้สึกราวกับถูกตบหน้าด้วยคำพูดที่เยือกเย็นยิ่งกว่าทุกครั้ง
“และฉันไม่เคยอยากเป็นเพื่อนกับเธอ อัยย์”

เช้าวันต่อมาฉันกับแอนเดินลงไปที่ใกล้ชายหาดเพื่อกินอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรม เชื่อไหมว่าห้องอาหารแห่งนี้เพิ่งถูกจัดอันดับโดยนิตยสารระดับโลกให้เป็นห้องอาหารชายทะเลอันดับหนึ่งของประเทศ ถึงจะดูเรียบทว่าทั้งหรูและมีสไตล์ รายรอบกรุกระจกสูงที่เปิดให้เห็นวิวทะเลสีฟ้ากว้างไกล แต่ทั้งที่จะได้เพลิดเพลินกับการนั่งในร้านอาหารหรูหราแห่งนี้ฉันก็กลับต้องเสียอารมณ์เข้าจนได้
“เฮ้ ไรอัน” แอนร้องเรียกเพื่อนสนิทคนใหม่ทันทีที่เห็นเขาจากระยะไกล ไรอันกับเพื่อนๆ กำลังนั่งกินอาหารอยู่ด้านในสุดของร้าน “ว้าว ดีใจจังเลยที่ได้เจอแต่เช้า”
“ไฮ” ไรอันโบกมือตอบแอน ทันทีกับที่เธอรีบวิ่งไปหาเขารวดเร็วจนฉันคว้าไม่ทัน แอนนะแอน เธอทิ้งฉันไว้ข้างประตูเสียอย่างนั้น!
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม? “ ไรอันถามแอนด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะรีบลุกขึ้นจัดเก้าอี้ให้เธอนั่ง เขาจัดเก้าอี้ว่างเผื่อฉันด้วย “นั่งด้วยกันนะ อ้าวอัยย์ ไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานั่งด้วยกันสิ”
ฉันยังยืนทื่อทั้งที่ไรอันชวน ทำให้แอนต้องเดินกลับมาลากมือฉัน “ทำไมไม่เดินมาล่ะอัยย์ เป็นอะไรไป? ”
ฉันกำลังมองอเล็กซ์อยู่ และถ้าใครกำลังจ้องหน้าเขาก็คงไม่ต้องถามฉันว่าทำไมฉันถึงไม่เดินไป เพราะคนคนนั้นเองก็ดูจะเซ็งไปถนัดใจเช่นกันที่เห็นฉันเข้า
“ก็...ไม่อยากไป เราไปนั่งกันสองคนดีไหม? “ ฉันชวนแอน
“ไม่เอาหรอก ฉันจะนั่งกับไรอัน เธอเป็นอะไรเนี่ย รีบมาเร็วสิ” พูดจบแอนก็ลากมือฉันไปที่โต๊ะของคนกลุ่มนั้นจนได้ พวกเขาอยู่กันเกือบครบแก๊ง ไรอัน อเล็กซ์ ลูก้า โรเซีย...มีแต่เลอาห์เท่านั้นที่ไม่รู้อยู่ที่ไหน...
 “เมื่อคืนฉันกับอัยย์หลับสบายมากเลย โรงแรมนี้หลับสบายกว่าบ้านตัวเองหลายเท่าเลยล่ะ” แอนย้อนไปตอบคำถามของไรอันเมื่อนาทีก่อน
 “ว่าแต่เธอสองคนพร้อมหรือยัง? ” ไรอันถาม
“นี่ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนะ อีกครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เหรอ? ” แอนท้วง “พวก นายน่ะตื่นเช้าเกินไป แล้วนี่กินข้าวกันเกือบเสร็จแล้วเหรอ ว้าว ไม่น่าเชื่อเลยว่านายแบบนางแบบจะตื่นเช้าแบบนี้ ฉันนึกว่าคนดังอย่างพวกนายจะตื่นสายเสียอีก”
“แอนเธอพูดเรื่องอะไร จะไปไหน? ” ฉันถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันกับเธอจะไปเที่ยวกับไรอันไง” แอนยิ้มกว้างจนตาหยี ฉันหันไปมองอเล็กซ์ที่ตอนนี้ก้มหน้าดูโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะหน้าตัวเอง ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ
“เที่ยว!? ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ฉันไม่ไป” ฉันรีบเดินหนีแต่ก็ต้องหงายหลังเมื่อแอนดึงผมหางม้าของฉันไว้
“ไม่เอาน่าอัยย์ เมื่อคืนฉันกับไรอันนัดกันไว้แล้ว ขอโทษนะที่ยังไม่ทันได้บอกเธอ แต่ที่แน่ๆ วันนี้จะเป็นวันที่สนุกและน่าจดจำที่สุดในชีวิตวัยรุ่นของเราแน่นอน!
“ฉันไม่ชอบเที่ยวหรอก วันนี้ฉันขออยู่เฉยๆ พวกนายไปกันเองเหอะ” ฉันแกะมือแอนออกจากผมหางม้าแล้วรีบเดินหนี
“เธอต้องไปนะอัยย์” ไรอันช่วยแอนดึงมือฉันอีกแรง “ไปก่อนเวลาก็ได้ รอนานอเล็กซ์มันจะเปลี่ยนใจ รายนั้นใจร้อนจะตาย”
อเล็กซ์ที่ถูกพาดพิงเงยหน้าจากโน๊ตบุ๊คมามองเราครู่หนึ่ง น่าแปลกที่ใบหน้าคนใจร้อนที่ไรอันพูดถึงไม่ได้ดูหงุดหงิดหรือร้อนใจเรื่องไปเที่ยวสักเท่าไหร่ ถ้าให้เดา...เรื่องเดียวที่จะทำให้เขาหงุดหงิดได้ก็คือการได้เห็นหน้าฉันอย่างไรล่ะ
“ไม่ต้องรีบ” อเล็กซ์บอกก่อนจะก้มดูโน๊ตบุ๊คของตัวเองต่อไป “ฉันรอได้”
เขาพูดประชดใช่ไหม? ฉันดึงเสื้อแอนและกระซิบบอกเธอ “ฉันไม่อยากไป”
“ทำไมล่ะ!? ” แอนถามดังลั่น
“ก็...” ฉันอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อคืนฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องที่อเล็กซ์ข่มขู่ฉันให้แอนฟังเลย เพราะพอฉันอาบน้ำเสร็จและตั้งท่าจะพูดเธอก็ผล็อยหลับเหมือนแมวขี้เซาไปแล้ว “ฉันว่าพวกเขาไม่อยากให้ฉันไปหรอก”
“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ? เลิกหยิ่งแล้วก็ทำตัวง่ายๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ”
“หยิ่ง!?” ฉันโดนว่าด้วยคำนี้อีกแล้วเหรอ ฉันเกลียดคนหยิ่งที่สุดต่างหากล่ะ!
“ฉันไม่ได้หยิ่งนะ” ฉันเถียงแอน
“งั้นก็เลิกเล่นตัวซะที”
“เล่นตัว? ฉันเนี่ยนะ!?
ตุ้บ! แอนดึงฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยแรงที่มากมายเหมือนซูโม่ ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมแอนไม่ไปว่าอเล็กซ์แทนล่ะ หลังจากนั้นแอนก็ส่งยิ้มหวานให้เพื่อนใหม่  “รอฉันกับอัยย์แป๊บหนึ่งนะ พวกเราจะรีบกินรีบไป”
พูดจบแอนก็รีบเดินไปตักอาหารโดยมีไรอันอาสาไปช่วย ฉันลุกขึ้นบ้างแต่แอนกลับพูดดักไว้เหมือนกลัวฉันหนี “นั่งอยู่นี่แหละ ฉันจะตักมาให้ ไม่ต้องหาเรื่องหนีไปไหนอีกนะ เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย มึนชาเขียวเหรอ? เอ๋ แต่ฉันเป็นคนกินนี่นา...” แอนเอียงหัวอย่างงุนงงแล้วเดินจากไป
“งั้นฉันจะตักมาเผื่ออัยย์ด้วย ฉันกำลังจะไปหยิบโยเกิร์ตที่สลัดบาร์พอดี” โรเซียยิ้มให้ฉันก่อนที่เธอกับลูก้าจะลุกขึ้นไปตักอาหารเพิ่มพร้อมกัน ฉันหายใจฮึดฮัดก่อนจะเตรียมนั่งลง แต่ทันใดนั้นอเล็กซ์ก็พูดขัดขึ้น
“นั่งที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ? ” เขาบอกเสียงเรียบและห้วนสั้น ฉันนิ่งอึ้งและหน้าชา เมื่อคิดดูดีๆ เก้าอี้ที่ฉันถูกแอนดึงให้นั่งลงเป็นเก้าอี้ที่ติดกับลูก้า
“ฉันไม่ชอบ” เขาบอกแค่นั้น และคำพูดของเขาก็ราวกับตบหน้าฉันจนหัน ครั้งนี้เป็นอีกครั้งแล้วที่อเล็กซ์แสดงความเกลียดชังอย่างตรงไปตรงมา ฉันคิดผิดจริงๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้
“ฉันก็ไม่ได้อยากนั่งแถวนี้หรอก” ฉันหันหลังจะเดินไปนั่งที่อื่น แต่เขากลับส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะลุกขึ้นและก้าวมายืนขวางฉันไว้
“อะไรอีกล่ะ? ” ฉันถามอย่างไม่พอใจ ไม่เข้าใจเลยว่าในเมื่อไล่ฉันแล้วเขาจะมายืนขวางอยู่แบบนี้ทำไม!?
“มานั่งนี่” เขาบอกราวกับสั่ง พลางเพยิดหน้าบอกให้ฉันไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกันกับเขา แต่ฉันยังยืนนิ่งอยู่ทำให้เขารำคาญจนต้องดุนฉันเบาๆ พอฉันนั่งลงด้วยสีหน้าบึ้งตึงแล้วเขาก็นั่งลงบ้างก่อนจะจดจ่อกับโน๊ตบุ๊คต่อไป ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรกับผู้ชายประหลาดอย่างเขาแล้ว ใครช่วยบอกฉันทีว่าฉันต้องทำตัวแบบไหน!?
“ลูก้ากับฉันมีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง เราเป็นเพื่อนกันมานาน และฉันรู้จักมันดีกว่าใคร” พักใหญ่หลังจากทำเหมือนฉันเป็นแค่กรวดทรายที่ไร้ความหมายเขาถึงค่อยพูดออกมา “ลูก้าเป็นเพลย์บอยมาตลอด แต่เพิ่งไม่นานมานี้มันตัดสินใจจะรักโรเซียเป็นคนสุดท้าย ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนแสนดีและเปราะบางเหมือนโรเซีย”
ฉันนิ่งอึ้งด้วยความประหลาดใจ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อเล็กซ์พูดกับฉันยืดยาวแบบนี้
“แต่ที่แน่ๆ ก็คือฉันไม่มีวันยอมให้ลูก้าทำให้โรเซียเสียใจ” อยู่ๆ น้ำเสียงของอเล็กซ์ก็เปลี่ยนจากเรียบเรื่อยเป็นแข็งห้วนก่อนจะนิ่งไป
 “นายกำลังจะบอกอะไร? ”
“รู้ไหม สิ่งที่ทำให้ฉันไม่ชอบก็คือ...” คราวนี้อเล็กซ์ละสายตาจากโน๊ตบุ๊คมาจ้องมองฉัน แววตาสีดำสนิทนั้นกร้าวแข็งจนทำให้ทั้งร่างของฉันนิ่งเกร็ง  “เธอไง”
ฉันหน้าชา แสบไปหมดเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง “นาย...!
โครม! เมื่อฉันถีบตัวลุกขึ้นด้วยความโกรธสุดขีดเก้าอี้ก็ล้มลง คนทั้งร้านหันมามองฉันกับอเล็กซ์เป็นตาเดียว
“โมโหหิวเหรออัยย์ ใจเย็นหน่อยสิ” แอนที่เดินกลับมาพอดีพร้อมกับโรเซียและลูก้าทำให้ฉันไม่ทันต่อว่าอเล็กซ์ได้ ส่วนอเล็กซ์ก็แค่เงียบไปและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันได้แต่ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้
ไม่เข้าใจเลย...อเล็กซ์พูดเรื่องที่เขาจะไม่มีวันยอมให้ลูก้าทำร้ายจิตใจโรเซียทำไม ลูก้าไม่มีวันทำแบบนั้นอยู่แล้ว สองคนนี้รักกันขนาดไหนใครก็รู้ หรือว่าอเล็กซ์ชอบโรเซีย? แต่เขาคบเลอาห์อยู่ไม่ใช่หรือไง?
 ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันเข้าใจอยู่อย่างเดียวว่าอเล็กซ์เกลียดหน้าฉัน เขาไม่อยากให้ฉันอยู่ใกล้เขาหรือเพื่อนของเขาคนไหนทั้งนั้น แล้วอาหารมื้อเข้าของโรงแรมหกดาวที่น่าจะอร่อยที่สุดในชีวิตของฉันก็กลับกลายเป็นอาหารที่ขมจนแทบจะกินไม่ได้
ครู่เดียวเลอาห์ก็เดินเข้ามาหาพวกเราและชวนอเล็กซ์ไปเดินเล่นกับเธอที่ชายหาด ส่วนไรอันกับแอนถึงจะกินอาหารเช้าเสร็จแล้วแต่ก็ยังคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน โรเซียที่กินเสร็จแล้วเหมือนกันหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา และเมื่อเธอเปิดมันออกฉันก็เห็นว่ามีสร้อยคอ สร้อยข้อมือรวมทั้งอุปกรณ์ร้อยสร้อยวางอยู่ภายใน เงาสะท้อนของไข่มุก ลูกปัดคริสตัลและดอกกุหลาบขนาดจิ๋วหล่อจากเรซินสะท้อนวิบวับกับแสงไฟ 
เมื่อโรเซียหยิบลูกปัดขึ้นมาฉันก็อดถามไม่ได้ “โรเซีย เธอกำลังจะทำอะไรเหรอ? ”
“งานอดิเรกน่ะ ฉันชอบทำงานฝีมือแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” เธอยิ้มด้วยริมฝีปากสีกุหลาบ
“เธอเก่งจัง มันดูสวยมากเลย...” ฉันทึ่งเมื่อเฝ้ามองสร้อยในมือของเธอที่เริ่มถูกร้อยเป็นเส้นยาว  “สร้อยนี้ดูสวยเหมือนตัวเธอเลยนะโรเซีย ทั้งบอบบางแล้วก็อ่อนหวาน ฉันว่ามันดูเหมือนเครื่องประดับของเจ้าสาวเลยล่ะ”
“เธอคิดแบบนั้นเหรอ? ”
“เธอเตรียมสร้อยพวกนี้ไว้สำหรับงานหมั้นกับลูก้าใช่ไหม? ”
 แก้มของโรเซียเรื่อสีแดงเมื่อได้ยินชื่อของลูก้า เธอยิ้มออกมาอย่างเขินอาย  “ไม่หรอก ฉันทำเล่นๆ เท่านั้นเอง”  
“จริงสิ นางแบบอย่างเธอถ้าเป็นวันหมั้นหรือแต่งงานคงเลือกใส่สร้อยราคาแพงจากแบรนด์ดังอย่างแอร์เมสหรือชาแนลจริงไหม” ฉันยิ้ม “แต่ถ้าให้พูดตรงๆ  ฉันชอบงานทำมือแบบนี้ของเธอยิ่งกว่าสร้อยแพงๆ พวกนั้นเสียอีกนะ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“ลูก้าโชคดีจังเลย นอกจากจะได้ว่าที่คู่หมั้นแสนสวยแล้วยังมีพรสวรรค์ในการทำสร้อยมากๆ ด้วย”
“ขอบใจนะอัยย์ เธอชมฉันตลอดเลย”
จริงด้วยสิ ฉันเผลอชมโรเซียอีกแล้วราวกับเธอเป็นนางฟ้าประจำตัวของฉัน ...ถ้าหากว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันจะมีสิทธิครอบครองนางฟ้าประจำตัวที่แสนสวยแบบนี้ได้...
“มันดูสวยจัง...สวยเหมือนเธอเลยโรเซีย” ฉันมองสร้อยกุหลาบแวววาวสลับกับใบหน้าสวยหวานของโรเซียอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ถ้าเธอชอบ...ฉันให้” โรเซียยิ้มอ่อนโยนก่อนจะดึงมือของฉันไปและผูกสร้อยเส้นหนึ่งให้
“ให้ฉันเหรอ? “ ฉันตกใจ เขินและเกร็งจนทำตัวไม่ถูก “ทะ...ทำไมล่ะโรเซีย!? มันจะดีเหรอ ไม่เอาดีกว่า”
“รังเกียจเหรอ? ”
“มะ...ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย” ฉันส่ายหน้า “เอ่อ...ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสร้อยเส้นนี้น่ะ มันสวยเกินไป แถมเธอยังทำเองกับมืออีก”
“เธอนี่ตลกจังอัยย์ ทำไมต้องเกร็งขนาดนั้นด้วย แล้วก็เลิกพูดว่าตัวเองไม่ดีพอหรือไม่คู่ควรได้ไหม? ” โรเซียหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะผละมือออกไปและทิ้งสร้อยแสนสวยไว้บนข้อมือของฉัน “ได้โปรดเถอะ รับไว้”
หัวใจของฉันเต้นรัวด้วยความเขินและเกรงใจ โรเซียน่ารักเกินไปแล้วจริงๆ และสร้อยไข่มุกประดับกุหลาบของเธอที่ผูกไว้บนข้อมือของฉันก็ไม่ได้น่ารักน้อยไปกว่าหัวใจที่อ่อนโยนของเธอเลย
“ไปกันได้แล้ว” อยู่ๆ เสียงห้วนแข็งของคนที่เกลียดหน้าฉันก็ปลุกฉันให้สะดุ้งตื่นจากภวังค์ฝัน ฉันกำลังหลงรักโรเซียอย่างเคลิบเคลิ้มอยู่เชียว และเมื่อหันตามต้นเสียงฉันก็เห็นคนคนนั้นกำลังมองมาทางฉันและโรเซีย ใบหน้าราบเรียบที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
“ค่ะ” แอนตอบแทนฉัน แต่อเล็กซ์คงไม่ได้ยินหรอกเพราะเขาหันหลังและเดินนำออกไปนอกห้องแล้ว ตามด้วยไรอันที่เรียกเราเสียงดังและวิ่งตามหัวหน้าแก๊งผู้เย็นชาไป
 “งั้นก็ไปกันได้แล้ว!

ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนพวกนี้กำลังจะไปไหน และในอีกไม่กี่อึดใจฉันก็จะได้รู้แล้วว่าวันนี้จะไม่เหมือนกับวันไหนๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของฉันเลย!