เมื่อพวกเราทุกคนมุ่งออกจากโรงแรมกิจกรรมสนุกที่ไรอันกับแอนนัดกันไว้ก็เริ่มขึ้น
เวลานี้เราทั้งหมดกำลังอยู่ในเรือที่แล่นฉิวไปบนผิวน้ำใสรวดเร็วราวกับบินได้ และเรือลำนี้มีอเล็กซ์เป็นคนขับ
เหลือเชื่อใช่ไหม?
แสงแดดส่องสว่างเจิดจ้า ท้องฟ้าสดใส
และน้ำทะเลสวยไร้ที่ติก็ราวกับกำลังร้องเพลงร่าเริง เกลียวคลื่นและหยดน้ำกระเซ็นหยอกล้อเราเมื่อเรือเร็วรุดหน้าไป
บรืน...
“ใกล้ถึงหรือยัง? ” เลอาห์ตะโกนถามอเล็กซ์จากที่นั่งถัดจากคนขับ
เธอออกจะรำคาญที่ลมแรงพัดใบหน้าและเส้นผมสวยของเธอจนยุ่งเหยิง เสียงเครื่องยนต์เรือผสานกับเสียงลมแรงดังลั่นจนเราคุยกันแทบไม่รู้เรื่อง
“ใกล้แล้ว” อเล็กซ์ตอบโดยไม่หันมา บอกตามตรงว่าฉันออกจะแปลกใจที่เขาขับเรือได้
แต่นึกๆ ไปฉันก็เคยได้ยินจากข่าวเหมือนกันว่าอเล็กซ์เติบโตมากับท้องทะเล
แอนกับไรอันบอกว่าวันนี้พวกเราจะไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะเปิดใหม่มีน้อยคนในโลกที่รู้จักเกาะนี้
และคนที่อยากจะมาเที่ยวที่นี่จะต้องทำเรื่องขออนุญาตล่วงหน้าก่อนหลายเดือน แถมรัฐบาลยังจำกัดจำนวนคนไปในแต่ละวันเพื่อรักษาความสวยงามของธรรมชาติเอาไว้
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าใครอยากไปก็จะไปได้ง่ายๆ และที่จริงถ้าไม่ได้คนเส้นใหญ่แบบอเล็กซ์เป็นคนขออนุญาตพวกเราก็คงไม่มีสิทธิ์มาเที่ยวเกาะนี้โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
ถึงจะไม่ชอบที่ถูกชวนมาแต่ผืนน้ำและท้องฟ้าสวยลึกล้ำที่โอบล้อมเราไว้ก็ทำให้หัวใจของฉันพองโต
ฉันไม่เคยนั่งเรือที่สนุกตื่นเต้นแบบนี้มาก่อนเลย
ลูก้ากับโรเซียจับมือกันตลอดเวลา
ดูน่ารักจนฉันหัวใจของฉันอบอุ่นไปด้วย ทั้งคู่รวมทั้งเลอาห์ตอนนี้ย้ายไปนั่งที่หัวเรือเพื่อรับลมและดูท้องทะเลเวิ้งว้างกว้างไกล
สายลมร่าเริงพัดผ่านเราไปไกลสุดขอบฟ้า นานๆ ครั้งเลอาห์จะเดินมาหาอเล็กซ์เพื่อโอบไหล่และคุยกับเขาอย่างสวีทหวาน
“ดูนั่นสิ ปลาโลมา! ” อยู่ๆ เลอาห์ก็ร้องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เมื่อฉัน แอนและไรอันรีบลุกไปที่หัวเรือบ้างก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความอัศจรรย์ใจ
“ว้าว! สุดยอดไปเลย! “
เบื้องหน้าเราปลาโลมาฝูงใหญ่กำลังแหวกว่ายอย่างร่าเริง
ครีบหลังที่สะท้อนแดดสว่างเป็นประกายผลุบโผล่อย่างสนุกสนานอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
บรืน....!
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าเรือของพวกเราเร่งเครื่องขึ้นอย่างแรงโดยไม่มีที่มาที่ไป
แล้วเรือก็ฝ่าคลื่นเข้าไปทางปลาโลมาพวกนั้น!
“อเล็กซ์ นายทำอะไรน่ะ!? ” เพื่อนๆ โวยวาย อเล็กซ์ไม่ตอบหากแต่เร่งความเร็วเรือขึ้นอีก
เรือเลี้ยวโค้งอย่างน่าหวาดเสียวจนฉันและทุกคนร้องลั่น “เหวอ! ”
“อย่าแกล้งปลาโลมานะ! ” ฉันห้ามอเล็กซ์เสียงดัง
โรเซียรีบห้ามเขาเช่นกัน“นายกำลังทำให้ปลาโลมากลัวนะ! เรืออาจจะชนพวกมันก็ได้ หยุดเร็ว!
”
แต่อเล็กซ์กลับเร่งเรือเร็วขึ้นอีก หนำซ้ำยังตีโค้งรุนแรงจนร่างของพวกเราเอียงวูบอย่างน่าหวาดเสียว
ตอนนี้พวกเราหัวหมุนเหมือนอยู่ในโรลเลอร์โคสเตอร์ไม่มีผิด!
“อเล็กซ์ หยุดสิ! ” ทุกคนห้ามอเล็กซ์อีก ทว่าเขาทำเหมือนไม่ได้ยินและซิ่งเรือเร็วสุดขีดต่อไป
ในอึดใจเดียวเรือก็หยุด
ทุกคนถอนหายใจโล่ง แล้วทันใดนั้นไรอันก็ส่งเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “เฮ้ ดูนั่นสิ! ”
ตามทิศทางที่ไรอันบอกนั้นเองเราเห็นน้ำทะเลถูกล้อมด้วยคลื่นน้ำเป็นวง
ทำให้ฉันรู้ว่าเมื่อครู่เรือของพวกเราแล่นวนและได้สร้างกรอบน้ำล้อมทะเลส่วนหนึ่งไว้ภายใน
และภายในกรอบกลมนั้นคลื่นลูกใหญ่มากมายเคลื่อนกระทบกันรุนแรงกว่าทะเลราบเรียบภายนอกหลายเท่า!
“ปลาโลมากำลังเล่นคลื่นในกรอบน้ำนั้น!? “ แอนตื่นเต้นเมื่อเห็นฝูงปลาโลมาเมื่อครู่แหวกว่ายคลื่นสูงน่าหวาดเสียวในวงกลมน้ำอย่างสนุกสนาน
พวกมันดูร่าเริงคึกคักมากทีเดียว!
“เหมือนสวนน้ำแสนสนุกสำหรับพวกปลาโลมาเลยนะ”
เลอาห์กลั้นหายใจด้วยความรู้สึกอัศจรรย์
“งั้น...เมื่อกี้นายก็ไม่ได้ขู่ปลา...” ไรอันหันไปทางอเล็กซ์อย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะที่เมื่อกี้พวกเราเข้าใจผิดและตำหนินาย”
“นายแค่สร้างคลื่นใหญ่ที่เหมือนสวนน้ำให้พวกมันเล่นเท่านั้นเอง”
ลูก้าชื่นชม “แต่นายรู้ได้อย่างไรว่ามันจะชอบ
นายไปเรียนวิธีเล่นกับปลาโลมาแบบนี้มาจากไหน? ”
“ฉันไม่เคยเห็นสิ่งที่ดูอัศจรรย์ขนาดนี้มาก่อนเลย”
โรเซียพูดเหมือนเคลิ้มไป และเมื่อฉันปรายตามองอเล็กซ์ก็เห็นว่าริมฝีปากของเขาหยักยิ้มเบาบาง
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขายิ้มอย่างอ่อนโยน...ใช่หรือเปล่านะ...?
อเล็กซ์...ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นซุกซ่อนหัวใจที่อ่อนโยนเอาไว้เหมือนกันอย่างนั้นหรือ...
?
ไม่นานพวกเราก็โบกมือลาฝูงปลาโลมาที่ยังแหวกว่ายสนุกสนานอยู่ในคลื่นน้ำที่อเล็กซ์ทำให้
ก่อนที่เรือของพวกเราจะแล่นต่อไป มุ่งหน้าสู่เส้นขอบฟ้าสีครามที่งดงามราวกับภาพวาดของจิตรกรเอกบนผืนผ้าใบ
เวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาทีพวกเราก็มาถึงเกาะ
“ซิลเวอร์ดอลฟิน”
เลอาห์กับโรเซียทั้งที่ก่อนขึ้นเรือบอกว่าจะดำน้ำด้วยกันแต่ถึงเวลาจริงๆ
กลับเปลี่ยนใจ พวกเธอก็เลยขอให้อเล็กซ์ขับเรือไปส่งที่ชายหาดของเกาะแทน ซึ่งที่นั่นเป็นที่ตั้งของเคบินขนาดเล็กและร้านกาแฟที่ใช้นั่งพักผ่อนเพลินๆ
ได้ หาดทรายสีขาวก็อยู่ใกล้แค่ปลายเท้า แล้วสองนางแบบก็โบกมือลาพวกเราก่อนจะเริ่มโพสต์ท่าและผลัดกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน
ไม่นานอเล็กซ์กับพวกเราที่เหลือก็นั่งเรืออ้อมมายังเกาะอีกด้าน
ว่ากันว่าที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในคาบสมุทรนี้
ลูก้ากระโดดนำลงน้ำไปก่อนเป็นคนแรก
ตามด้วยไรอันที่ลงไปรอรับแอนอยู่ข้างล่าง แต่ฉันลงไปช้ากว่าสองคนนั้นเพราะกำลังปรับท่อออกซิเจนให้เข้าที่
ด้วยความที่ท่อติดอยู่ข้างหลังฉันก็เลยปรับมันได้ไม่สะดวกนัก
ขณะที่กำลังจัดการสายพะรุงพะรังนั้นเองฉันก็สังเกตว่าอเล็กซ์จ้องมองฉันอยู่
ดูเหมือนเขาจะรำคาญท่าทางเงอะงะของฉันก็เลยเดินเข้ามาช่วย มือใหญ่ที่คล่องแคล่วจับถังที่ยึดติดกับแผ่นหลังของฉันแล้วขยับไปมาครู่หนึ่ง
ไม่ถึงสามวินาทีมือแข็งแรงก็ล็อคถังออกซิเจนติดกับหลังของฉันและปรับท่อได้สำเร็จ
“ขอบใจ” ฉันพูดตามมารยาท
รู้ดีว่าเขาแค่ช่วยฉันเพราะรำคาญ ทว่าไร้คำว่า ‘ไม่เป็นไร’ จากอเล็กซ์อย่างที่คาดไว้
แล้วฉันเดินออกไปท้ายเรือ แล้วทั้งที่ไม่ตั้งใจฉันก็ไม่วายทำให้เขารำคาญอีกจนได้
ตอนนี้เขาเขม็งมองฉันที่ชักช้าไม่ลงจากเรือเสียทีเพราะกำลังขยับหน้ากากอยู่ สำหรับฉันมันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้หน้ากากล็อคหน้าจนพอดีได้
“หันมา” เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยสั่ง
ระดับความดังของเสียงทำให้ฉันรู้ว่าเขาก้าวมายืนอยู่ชิดแผ่นหลังของฉันแล้ว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เสร็จ” ฉันปรับหน้ากากเองต่อไป
ทว่ามือของ
อเล็กซ์กลับเคลื่อนมากุมสองต้นแขนของฉัน
พลิกร่างฉันให้หันหน้าไปและเผชิญหน้า ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เขารำคาญเลยสาบานได้ แล้วร่างที่สูงกว่าฉันมากก็ก้มลง
มือใหญ่เคลื่อนมาจับต้องหน้ากากของฉัน เขาดึงมันออกก่อนจะสวมกลับคืนให้ฉันอีกครั้ง
อเล็กซ์อยู่ใกล้ฉันทีเดียว...ใกล้จนฉันเห็นใบหน้าของเขาอย่างละเอียดชัดเจน
กรอบใบหน้าของเขาคมสวยราวภาพวาด เส้นผมสีดำสนิทที่ปรกลงมาบนหน้าผากงดงามตัดกับผิวสีขาว
คิ้วที่เรียวคม สันจมูกที่โด่งสวยราวกับสลักไว้...ใบหน้าไร้ที่ติที่ฉันเห็นในระยะใกล้เวลานี้ดูดีไม่น้อยกว่าที่เคยเห็นในแมกกาซีนเลย
คิดแล้วก็ทั้งน่าอิจฉาและน่าโมโห
“โอเคหรือยัง? ” เขาถามห้วนสั้น
และทั้งที่นึกว่าเขาทำเพราะหงุดหงิดแต่หากไม่ลำเอียงจนเกินไปก็ดูรู้ว่าเขาตั้งใจช่วยฉัน
บางทีเขาอาจไม่ใช่นายแบบที่เย่อหยิ่งและนิสัยแย่จนเกินไป ฉันคงแค่ตั้งแง่กับเขามากเกิน
คนเพื่อนมากอย่างเขาอาจจะใจดีและใจกว้างพอควรก็ได้
“โอเคแล้ว ขอบใจ” ฉันตอบ ทำให้เขาผละมือออกไป
แต่แล้วขณะที่ไต่บันไดเรือเพื่อลงสู่ผิวน้ำนั้นเองฉันก็ได้ยินอเล็กซ์เรียกไว้
“เดี๋ยว”
ฉันหันมาหาเขาทั้งที่พะรุงพะรังไปด้วยหน้ากากและออกซิเจน
ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ที่เขาไม่พูดอะไรจนฉันต้องเป็นฝ่ายถาม
“นายเรียกฉัน? ”
“ใช่ เธอไม่ได้หูหนวกหรอก” เขาตอบและฉวยโอกาสว่าฉันไปในตัว
“มีอะไร? ”
ทว่าแทนที่จะตอบอเล็กซ์กลับนิ่งไปอีก
ในความเงียบเขาถอดเสื้อยืดออกจนเหลือแต่ชุดประดาน้ำ ติดถังออกซิเจนให้ตัวเอง หันไปหยิบหน้ากากกันน้ำขึ้นมาสวมและปรับสายรัดอย่างใจเย็นราวกับจงใจให้ฉันรอ
เมื่อเสร็จแล้วเขาถึงก้าวมาหยุดข้างหน้าฉัน
“จริงอยู่ไรอันชวนเธอ
แต่เธอไม่จำเป็นต้องตอบตกลงทุกเรื่องหรอกนะ”
ฉันนิ่งอึ้งกับคำพูดหยาบคายที่ตรงไปตรงมา
ผิวแก้มสองข้างแสบราวกับถูกตบหน้าอยู่ดีทั้งที่สังหรณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนเขาหาเรื่องอีก
“จะปฏิเสธบ้างก็ได้” เขาเอ่ยด้วยริมฝากเรียบสนิท
แฝงการข่มขู่เอาไว้
“ฉันรู้ว่านายเกลียดฉันและไม่อยากให้ฉันมา”
ฉันพูดทันที “ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากมาเลยสักนิด
ฉันไม่เอาไหนเองที่ปฏิเสธแอนไมได้”
“มันไม่ใช่เรื่องแค่นั้นหรอก”
อเล็กซ์เอ่ยเสียงเรียบ “แต่บอกไปก็จะเสียเวลา”
ฉันกำมือแน่น ให้ตายสิ! ทำไมฉันถึงต้องมายืนให้เขาด่าว่าตามใจแบบนี้นะ
แน่นอนว่าเขามองฉันเป็นพวกตามตื๊อคนดังที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป แล้วอเล็กซ์ก็เดินเลยหน้าฉันไปก่อนจะทิ้งตัวลงในน้ำก่อนดังซุ่ม!
ทิ้งท้ายไว้เพียงคำพูดที่ทำให้ผิวหน้าของฉันทั้งแสบและชาอีกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่
“อยู่ห่างๆ พวกเรา หวังว่าที่พูดคงจะเข้าใจ”
น้ำเย็นที่ปะทะร่างเมื่อกระโดดลงไปในน้ำไม่ได้ทำให้ฉันใจเย็นลงสักนิด
ฉันยังโกรธอเล็กซ์หัวฟัดหัวเหวี่ยง คนเย่อหยิ่งหยาบคายอย่างเขามีดีก็แค่รูปร่างหน้าตา
นึกว่าฉันอยากอยู่ใกล้เขามากนักหรือไง? เขาก็แค่นายแบบที่หลงตัวเองและเอาแต่ใจเท่านั้นล่ะ!
ฉันยังอารมณ์พลุ่งพล่านไม่เลิกตอนที่ดำน้ำลึกลงไปถึงแนวปะการังแล้ว
ขอสัญญากับตัวเองเลยว่าต่อให้แอนกับไรอันคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็จะไม่มากับพวกเขาอีก!
แต่ไม่นานอารมณ์ขุ่นมัวของฉันก็มลายหายไปราวกับปลิดทิ้ง
ฝูงปลาและแนวปะการังใต้ห้วงน้ำสีมรกตแห่งนี้สวยลึกล้ำราวกับภาพจิตรกรรม
แสงแดดที่สาดลงมาขับให้สีสันของโลกใต้ทะเลเปล่งประกายราวกับอัญมณีหลากสี ฝูงปลาหนาแน่นแหวกว่ายหยอกล้อกับดอกไม้ทะเลหลากชนิด
จะว่าไปแนวปะการังที่เกาะซิลเวอร์ดอลฟินแห่งนี้สวยกว่าที่ฉันเคยเห็นในรายการเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิคเสียอีก!
เวลานี้รอบๆ ตัวฉันมีทั้งปลาการ์ตูน
ปลานกแก้ว แม้แต่...ว้าว! ปลากระเบนตัวมหึมา!
นี่ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในชุดนักประดาน้ำที่ปิดใบหน้าเอาไว้ทั้งหมดฉันต้องกรีดร้องออกมาดังลั่นแน่ๆ!
พวกเราแต่ละคนกระจายกันอยู่ใต้น้ำ
ต่างก็เพลิดเพลินกับปะการังและสัตว์ทะเลหลากชนิดโดยไม่รบกวนพวกมัน ไม่นานฉันก็พบว่าไม่แค่ปลากระเบนเท่านั้นที่ทำให้ฉันอัศจรรย์ใจได้
เพราะตอนนี้ท้องทะเลส่งเพื่อนใหม่มาให้ฉันได้ร้องว้าวอีกแล้ว!
นั่นอย่างไรล่ะปลาโลมา! ฝูงทรงพลังแต่ขี้เล่นที่ดูราวกับเรือดำน้ำสีเทาสง่างามกำลังว่ายน้ำมาทางนี้แล้ว! พวกมันดูตัวใหญ่ สุขภาพดีและที่สำคัญไม่กลัวคนเลยสักนิด ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรทำให้พวกมันไม่หนีไปให้ห่างพวกเราหากแต่ว่ายเข้ามา
บางทีอาจเพราะมีนักประดาน้ำแอบให้อาหารกับพวกมันจนเสียนิสัยก็ได้
แล้วอยู่ๆ
สายตาของฉันก็ลากไปสะดุดเข้ากับภาพที่ไม่คาดว่าจะได้เห็น อเล็กซ์ว่ายน้ำเล่นกับปลาโลมาได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
และดูเหมือนปลาโลมาวัยรุ่นตัวนั้นก็อยากเล่นกับเขาเสียด้วย แต่การที่คนเล่นกับปลาอย่างเป็นกันเองแบบนี้จะดีจริงหรือเปล่านะ
ฉันไม่เคยเข้าใกล้ปลาโลมาเลย หลายครั้งฉันคิดว่าการเข้าใกล้พวกมันเป็นการก้าวก่ายธรรมชาติมากเกินไป
แต่ก็แปลกที่ปลาโลมาตัวหนึ่งชอบว่ายอยู่ใกล้ๆ
ฉันเหมือนกัน เดิมทีมันว่ายอยู่ห่างๆ ก่อน แต่ไม่นานก็เริ่มเข้ามาว่ายวนเวียนรอบตัวฉัน
และหากไม่ได้คิดไปเองฉันรู้สึกราวกับมันกำลังพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับฉัน
ฉันไม่อยากให้ปลาโลมาคุ้นเคยกับมนุษย์ก็จริง
ทว่าหลังจากชั่งใจครู่ใหญ่ฉันก็ยื่นมือออกไปหามัน มือของฉันเกร็งเมื่อสัตว์ที่ว่ากันว่าฉลาดและใจดีตัวนั้นยื่นจมูกยาวๆ
มาแตะมือของฉัน เชื่องและน่ารักเหลือเกิน...แต่มีบางสิ่งที่มากกว่านั้น ดูดวงตาที่แฝงแววหมองเศร้าของมันสิ
ทันใดนั้นหัวใจของฉันก็บีบแรงด้วยความเศร้าใจเมื่อมันว่ายเข้ามาใกล้ฉันยิ่งขึ้น
เผยให้เห็นบาดแผลหลายรอยเหนือผิวสีเทานุ่มลื่น แผลเหล่านี้อาจเกิดจากใบพัดเรือหรือตะขอของเบ็ดตกปลา
ยิ่งไปกว่านั้นที่ครีบของมันยังมีเอ็นของเบ็ดตกปลาพันอยู่ น่าสงสารเหลือเกิน แต่ไม่ใช่แค่นั้น
ฉันแทบจะร้องไห้เมื่อเห็นตะขอเบ็ดตกปลาคมกริบอีกชิ้นฝังอยู่บนหลังของมัน
ฉันเข้าใจแล้ว
เพราะแบบนี้สินะปลาโลมาตัวนี้ถึงได้มาหาฉัน มันคงอยากให้ฉันดึงเส้นเอ็นและตะขอออกให้มัน
ฉันพยายามแก้เส้นเอ็นที่พันครีบออกอย่างเบามือที่สุด
และน่าแปลกที่มันลอยตัวนิ่งให้ฉันช่วยแต่โดยดี แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็แก้เอ็นให้มันออกไม่ได้เพราะไม่มีกรรไกรหรือมีดมาด้วย
ฉันจะถอดใจอยู่แล้วแต่ทันใดนั้นมือที่ใหญ่กว่าของใครคนหนึ่งก็ยื่นเข้ามาช่วยฉัน
อเล็กซ์นั่นเองที่เข้ามาช่วยดึงเส้นเอ็นอีกแรง
แต่ถึงจะพยายามแล้วก็ช่วยได้แค่นิดหน่อยเพราะเขาไม่มีมีด แล้วทันใดนั้นมือของใครอีกคนหนึ่งก็ยื่นเข้ามาช่วยเรา
และมือนั้นถือมีดเอาไว้!
ลูก้า!? เขาพกมีดมาด้วย!? เยี่ยมไปเลย!
มือที่จับมีดอย่างคล่องแคล่วตัดสายเอ็นที่ครีบของปลาโลมาโชคร้ายโดยไม่รอช้า
ไม่เพียงเท่านั้นเขายังช่วยมันพลิกตัวเพื่อจะดึงตะขอออกจากหลังให้ ปลาโลมาคงรู้ว่าลูก้าใจดีถึงยอมให้เขาพลิกตัวมันตามใจ
ทั้งที่มือใหญ่ๆ ของลูก้าที่ขยับตะขอไปมาน่าจะทำให้มันเจ็บมากทีเดียว
ฉันลุ้นแทนเจ้าปลาโลมา รู้สึกเจ็บแผลแทนจนต้องเอามือปิดตา
ในที่สุดหลังจากฉันภาวนาพักใหญ่ลูก้าก็ดึงตะขอออกจากเนื้อของมันได้สำเร็จ ปลาโลมาที่เวลานี้เป็นอิสระแล้วพลิกตัวไปมาอย่างตื่นเต้น
ฉันกรีดร้องในใจด้วยความสุข ลูก้าเก่งที่สุดเลย!
จากนั้นปลาโลมาที่ตื่นเต้นดีใจก็รีบว่ายกลับไปหาสมาชิกฝูงที่รอลุ้นอยู่ห่างๆ
และเมื่อมันพลิกตัวให้เพื่อนๆ ดูว่าตะขอหลุดออกแล้วแทบทั้งฝูงก็พลิกตัวตามด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน
หลังจากนั้นเราก็โบกมือลาฝูงสัตว์แสนงดงามที่ว่ายน้ำจากไปอย่างร่าเริง
ฉันมีความสุขมากอย่างอธิบายไม่ถูกเลย
รู้สึกขอบคุณพระเจ้าด้วยที่ได้มาอยู่ถูกที่ถูกเวลา ทำให้ได้มีโอกาสช่วยปลาแสนสวยตัวหนึ่งให้กลับไปว่ายน้ำอย่างร่าเริงและอิสระแบบนี้
ฉันเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหากแต่ถูกกำหนดไว้อย่างดี
และแน่นอนว่าผู้ที่ราวกับกำลังเขียนมหากาพย์ของโลกสีฟ้าที่กว้างใหญ่ใบนี้ก็คือพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง
แต่ทั้งที่ฉันน่าจะดีใจกับเจ้าปลาโลมาไปได้อีกหลายวันความสุขของฉันกลับมลายหายไปดื้อๆ
เพราะขณะที่กำลังปีนบันไดกลับขึ้นไปบนเรือก็มีใครคนหนึ่งยืนรอฉันอยู่ภายในนั้นแล้ว
ที่ระดับสายตาฉันมองเห็นเท้าคู่ใหญ่ และเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปตามขายาวๆ
ก็เห็นว่าเขาคนนั้นกำลังยืนกอดอกจ้องมองฉัน
ดวงตานิ่งแข็ง สีหน้าเรียบนิ่ง...เห็นแบบนี้แล้วมั่นใจได้เลยว่าฉันกำลังจะโชคร้าย
“ลูก้าช่วยเธออีกแล้วนะ”
อเล็กซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจับผิด
ฉันชักสีหน้า “ใช่ ถ้าไม่ได้ลูก้าปลาโลมาอาจจะไม่รอดก็ได้”
ฉันพูดถูก คนชอบหาเรื่องถึงได้นิ่งไปและปล่อยให้ฉันปีนกลับขึ้นมาบนเรือแต่โดยดี
ถึงอย่างนั้นฉันก็ดูอกว่าเขายังไม่ยอมอ่อนข้อง่ายๆ ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ฉันถอดถังออกซิเจนบนร่างลงวางกับพื้นแล้วเขาถึงหาเรื่องฉันต่อ
“ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจจริงก็น่าจะเอามีดจากลูก้ามาตัดเอ็นช่วยปลาโลมาเอง”
“บริสุทธิ์ใจ? ” ฉันอ้าปากค้าง
งุนงงกับคำพูดของอเล็กซ์ที่อยู่ๆ ก็ตัดสินฉันแล้วว่าเป็นนางร้าย “นายคิดว่าฉันทำเป็นช่วยปลาโลมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากลูก้างั้นเหรอ?
”
“เธอพูดเองนะ”
“อเล็กซ์! “ ฉันขึ้นเสียง “ปลาเจ็บขนาดนั้นฉันจะมีเวลาไปหว่านเสน่ห์ใครได้!
“
“ดูเอาเองสิว่าระหว่างเธอกับโรเซียช่วงนี้ใครอยู่ใกล้ลูก้าบ่อยกว่ากัน”
“ก็โรเซียไง”
“แน่ใจนะ” เขาหรี่ตา “วันนี้ลูก้าอยู่กับโรเซียเหรอ
หรือว่าอยู่กับเธอ? ”
“ก็โรเซียไม่ชอบดำน้ำ เธอขอไปรอที่เกาะก็เป็นเรื่องธรรมดา...”
ฉันอธิบาย แต่อยู่ๆ คำพูดก็ขาดหายไปเมื่อนึกย้อนดูดีๆ...
อเล็กซ์พูดถูก
วันนี้ลูก้าไม่ได้อยู่กับโรเซียแต่อยู่กับพวกเรา
“เข้าใจที่ฉันพูดแล้วสินะ”
อเล็กซ์เอ่ยราวกับผู้ชนะ
“แต่ฉันไม่ได้อยู่กับเขาสองต่อสองนี่
พวกเราทุกคนก็อยู่กับเขา”
“ฉันก็พูดถูกอยู่ดี เธออยู่กับมัน”
“นาย!” ฉันขึ้นเสียง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างนายจะคิดอะไรแบบนี้!”
”ตรวจสอบความรู้สึกของตัวเองให้ดีๆ ก็แล้วกัน”
อเล็กซ์ทำเหมือนเขารู้ธาตุแท้ของฉันดี
“ตรวจสอบทำไม!? ฉันไม้วางแผนแย่งแฟนใครอยู่สักหน่อย
มีแต่นายคนเดียวที่จับผิดคนอื่น! ฉันไม่ได้...”
คำพูดของฉันถูกกลืนหายไปเมื่ออเล็กซ์เดินเข้ามาใกล้จนเกือบจะถึงตัวฉัน....
”อย่าไร้เดียงสานักสิอัยย์” น้ำเสียงแผ่วเบาที่ราบเรียบของเขาทำให้ฉันเกร็งจนขยับไม่ได้
ต่อหน้าแววตาดำสนิท...ทั้งคุกรุ่นและเยือกเย็นซึ่งราวกับจะฝังคำสั่งลึกลงไปในหัวใจของฉันให้ได้...
“เพราะหากถึงวันนั้น...เธอจะย้อนกลับมาแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว”