หลังจากอเล็กซ์ข่มขู่ฉันจนพอใจแล้วเขาก็เดินจากไป
ทิ้งฉันให้อาละวาดหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียวตรงนั้นเอง
ฉันไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตาย! เขาใส่ร้ายฉันอย่างไร้เหตุผล และเชื่อสิว่าฉันอธิบายได้ทุกข้อกล่าวหา
แต่คิดอีกทีอธิบายไปก็คงจะเมื่อยปากเปล่าๆ
ช่างเถอะ ลืมมันซะ หลังจากนั้นก็ปรับอารมณ์ให้แจ่มใสสมกับที่กำลังจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นดีกว่า
และเพื่องานพิเศษครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องไร้สาระเรื่องไหนมากวนใจให้เสียอารมณ์ทั้งนั้น!
คุณคงเริ่มสงสัยแล้วสินะว่างานสำคัญที่ฉันพูดถึงคืออะไร
เฉลยให้ก็ได้
หลังจากฉันวิ่งเตลิดหนีลงจากเรือและสาบานว่าจะไม่เข้าใกล้อเล็กซ์อีกต่อไปโรเซียก็รีบวิ่งตามมา
“อัยย์ จะรีบไปไหน? ”
เธอถามด้วยลมหายใจหอบเหนื่อย
“ไป...เอ่อ...ห้องน้ำจ้ะ” ฉันโกหก
ฉันแค่อยากหนีอเล็กซ์ไปให้ไกลแสนไกลเท่านั้นล่ะ
“เฮ้อ โล่งอกไปที
ฉันนึกว่าเธอโกรธเกลียดฉันเสียอีกถึงวิ่งออกมาแบบนี้ นึกว่าเธอจะไม่มาหาฉันอีกแล้ว” อา...ไม่นะ! โรเซียเหมือนกำลังจะร้องไห้ด้วย!
“ฉันจะเกลียดเธอได้อย่างไรล่ะ
ฉันรักเธอที่สุดในโลกต่างหาก” ฉันรีบบอกเธอ
“ถ้างั้น...” โรเซียเปลี่ยนจากสีหน้าหมองเศร้าเป็นยิ้มกว้าง
“เธอต้องมานะ”
“มา? มาที่ไหนเหรอ? ”
แทนคำตอบโรเซียยิ้มและยื่นบัตรสีขาวขลิบทองหรูหราใบหนึ่งให้ฉัน
“แอนก็ไป ไรอันก็ไป ทุกคนจะไปงานนี้”
“ฉันไม่...” ฉันเตรียมจะวิ่งหนี
ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรถ้าโรเซียบอกว่าทุกคนไป...ก็หมายความว่าอเล็กซ์จะไปด้วยนะสิ!
“ฉันจะเดินแบบพรุ่งนี้”
โรเซียชิงบอก
“จริงเหรอ!? ” ฉันเสียงดังจนโรเซียสะดุ้ง
เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้
ที่หน้างานแฟชั่นโชว์อันหรูหราอลังการราวกับยกปราสาทแห่งเทพนิยายมาตั้งเอาไว้ ไม่บ่อยครั้งนักที่ชายหาดเงียบสงบอันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชนชั้นสูงจากทั่วโลกแห่งนี้จะได้มีโอกาสจัดงานแฟชั่นโชว์ที่เอิกเกริกและยิ่งใหญ่
และงานนี้ก็จัดขึ้นไม่ไกลจากโรงแรมแวนครอฟสักเท่าไหร่เลย
งานแฟชั่นโชว์ที่แสนอลังการนี้จัดขึ้นเพื่อโปรโมทเสื้อผ้าฤดูกาลใหม่ของแบรนด์ระดับโลกแบรนด์หนึ่ง
และเพราะเป็นแบรนด์ใหญ่นายแบบนางแบบที่ถูกว่าจ้างมาถึงหนีไม่พ้นระดับหัวแถวอย่างโรเซีย
ลูก้า อเล็กซ์ และเลอาห์ และอาจเพราะพวกเขารู้ว่าจะต้องมาเดินแบบที่นี่ถึงได้พากันมาพักที่โรงแรมแวนครอฟล่วงหน้า
ขอบอกตามตรงว่าฉันไม่สนใจการเดินแบบของใครเลยนอกจากโรเซีย
เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันมาที่นี่เพื่อเชียร์สุดตัวและหัวใจ ก็เธอเป็นนางฟ้าของฉันนี่นา
เพราะฉะนั้นถึงฉันพอจะมองออกว่าการมาที่นี่อาจจะกระตุกต่อมหงุดหงิดของใครบางคนเข้าฉันก็ยังยอมเสี่ยง
อเล็กซ์ไม่ใช่เจ้านายที่ฉันจะต้องเชื่อฟังทุกเรื่องนี่ จริงไหม? ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด และฉันไม่แคร์ว่าอเล็กซ์จะคิดอย่างไร
อีกอย่างโรเซียคะยั้นคะยอฉันหลายครั้งแล้วให้มาเชียร์เธอให้ได้
ส่วนแอนกับไรอันละก็ไม่ต้องพูดถึง สองคนนั้นแทบจะจับฉันมัดมือมัดเท้าอุ้มเข้างานอยู่แล้ว
แต่ฉันอยากมาเองเพื่อโรเซีย เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจะถือเสียว่าอเล็กซ์ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกก็แล้วกัน
เรากับเพื่อนใหม่นัดมางานนี้พร้อมกันหมด
แต่เมื่อมาถึงแล้ว
อเล็กซ์ เลอาห์ ลูก้า
และโรเซียจะแยกจากพวกเราเพื่อไปแต่งตัวและแต่งหน้า โดยฉันกับแอนและไรอันที่แค่มาเชียร์จะไปนั่งรอที่หน้าห้องเดินแบบเลย
พวกเรามาถึงก่อนเวลาเริ่มงานนานทีเดียว
แต่ก็ไม่เป็นไรในเมื่อฉันไม่ใช่คนขี้รำคาญหรือทนรอไม่ได้ จะรำคาญก็แต่แอนที่กรีดร้องจนฉันแก้วหูแทบแตกเมื่อพวกนายแบบและนางแบบเดินผ่านเพื่อเตรียมไปแต่งตัวแต่งหน้า
และที่เราได้กระทบไหล่คนดังแทบจะตลอดเวลาก็เพราะตอนนี้พวกเรายืนแกร่วอยู่ใกล้ๆ
ห้องแต่งตัวนั่นเอง
เพื่อนๆ ที่ต้องเดินแบบกำลังจะแยกจากพวกเราไปแล้ว
อเล็กซ์เดินรั้งหลังสุด แต่ก่อนไปเขากลับหันมาหาฉันและยื่นกระเป๋าสะพายให้
“ฝาก” เขาเอ่ยห้วนสั้นเหมือนเคย
“อะไร? มาฝากฉันทำไม? ” ฉันถามด้วยความหวาดระแวง
เขากำลังจะแกล้งฉันใช่ไหม?
“ขี้เกียจถือ” เขาตอบง่ายๆ
“แล้วทำไมฉันต้องรับฝากกระเป๋าให้นายด้วย?
”
“กลัวหาย”
“แล้วทุกทีเวลาเดินแบบนายทำยังไงล่ะ”
ฉันถอยหนีและไม่ยอมรับฝากง่ายๆ “ทำไมไม่สะพายไปด้วย ฉันว่าต่อให้นายวางกระเป๋าทิ้งไว้ในห้องแต่งตัวก็ไม่มีใครเอาไปหรอก“
“นั่นมันเรื่องของฉัน
ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“หรือนายกลัวคนแอบขโมยรูปในโทรศัพท์? แน่ใจนะว่าฝากถูกคน ?ฉันอาจจะขโมยรูปนายไปขายปาปารัซซี่ก็ได้”
แต่อเล็กซ์ก็เพียงตีหน้าเฉยอย่างไม่ยี่หระก่อนจะคล้องสายกระเป๋าลงบนไหล่ของฉันเหมือนแกมบังคับ
“เธอไม่ทำหรอก”
“ถ้านายบังคับฉัน
ฉันจะวางกระเป๋านายทิ้งไว้ตรงนี้เลยนะ”
แต่อเล็กซ์กลับแค่เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวนายแบบ
ทิ้งฉันไว้กับคำพูดทิ้งท้าย “ก็ลองดูสิ”
เขาต้องมีแผนร้ายแน่.... น้ำหนักของกระเป๋าสะพายที่ถ่วงไหล่ของฉันอยู่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย
กระเป๋าของเขาเมื่อคล้องกับไหล่ของฉันแล้วดูยาวเกินไปมากทีเดียว
ความยาวของสายสะพายบอกได้ทันทีว่าเขาตัวสูงกว่าฉันแค่ไหน...
“กระเป๋าของอเล็กซ์ไม่ใช่เหรอนั่นน่ะ?
” แอนถามฉันทันทีเมื่อเดินมาเห็นเข้า
“เขาบังคับให้ฉันถือ” ฉันบ่นแกมฟ้อง
“แล้วทำไมต้องให้เธอถือล่ะ? ”
“ไม่รู้ ไปถามอเล็กซ์สิ
ฉันไม่ได้อยากรับฝากเสียหน่อย”
“ไปว่าอเล็กซ์ทำไม เขาแค่ขอฝากของก็ใจดีกับเขาหน่อยไม่ได้หรือไง
เมื่อวานเขาก็เพิ่งพาเที่ยวฟรีอย่าลืมสิ อีกอย่างเธอควรจะดีใจที่ได้รับฝากกระเป๋าของนายแบบระดับโลกนะ”
“เธอไม่รู้หรอกว่าเขาแสบแค่ไหน” ฉันถอนหายใจ
“แสบ? ” แอนหูตั้ง ฉันไปกระตุ้นต่อมสนใจของเธอเข้าแล้วไง
“อัยย์เธอไปรู้อะไรมาเหรอ? ไปรู้จักเขาดีตั้งแต่เมื่อไหร่!? ”
“เปล่า” ฉันปฏิเสธ บอกตามตรงว่าฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ที่สำคัญฉันไม่ชอบนินทาคนอื่น
“บางทีเขาอาจจะอยากให้เธอค้นกระเป๋าเขาดูก็ได้
เธอจะได้รู้จักเขามากขึ้นไง” แอนทำหน้าเขินแทนก่อนจะพูดอย่างเคลิบเคลิ้ม “อยู่ๆ
นายแบบสุดฮอตของโลกก็มาขอฝากกระเป๋ากับเพื่อนแสนสวยของฉัน เอ...เขากำลังสนใจเธออยู่หรือเปล่านะ...? ”
“บ้าหรือไง” ”
ฉันเอามือยันหน้าแอนจนหงาย “ไปไม่ได้หรอก เขาเกลียดหน้าฉันต่างหาก เกลียดมากด้วย
เพราะงั้นเขาถึงได้ใช้ฉันถือกระเป๋าเหมือนคนใช้ไง เขาก็แค่ไม่อยากสั่งเพื่อนระดับเดียวกัน”
แล้วอยู่ๆ
โทรศัพท์ในกระเป๋าของอเล็กซ์ก็ดังขึ้น
“อัยย์ มีสายเข้าถึงอเล็กซ์แล้ว! ” แอนกระโดดอย่างตื่นเต้น
“ตื่นเต้นทำไมล่ะ? ”
“เธอนั่นล่ะเฉยอยู่ได้
ทำไมไม่รีบรับล่ะ!? ”
“จะบ้าเหรอ ฉันจะไปรับแทนเขาได้ไง”
ฉันดึงกระเป๋าหนีแอนที่เต้นไปเต้นมาจะแย่งโทรศัพท์ให้ได้
“ถ้าเขาตั้งใจจะรับก็ต้องพกโทรศัพท์ไปแต่งตัวด้วยสิ รอเสร็จงานได้กระเป๋าคืนแล้วเขาค่อยโทรกลับก็ได้”
ครู่เดียวสายเรียกเข้าก็ตัดไป แต่ภายในสามวินาทีโทรศัพท์ก็ดังขึ้นใหม่
“อาจจะเรื่องด่วนก็ได้”
แอนทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล “ฉันว่าเธอน่าจะเอาไปให้อเล็กซ์”
“ไม่ต้องหรอกมั้ง”
“แล้วถ้าเป็นเรื่องสำคัญมากจะทำยังไง
หรือถ้าไม่รับแล้วอเล็กซ์เป็นอะไรขึ้นมาผู้หญิงไม่ได้เรื่องอย่างพวกเราจะรับผิดชอบได้ไหม
เดี๋ยวเขาก็โกรธหรอก เอาไปให้เขาเดี๋ยวนี้นะ! ”
พอได้ยินว่าอเล็กซ์อาจจะโกรธฉันก็หนาวสันหลังขึ้นมา
ใครจะอยากโดนเขาแกล้งอีกล่ะ
ในที่สุดฉันก็วิ่งไปหาอเล็กซ์โดยมีเสียงสั่งราวกับคุณแม่จอมโหดของแอนดังลั่นอยู่ข้างหลัง
“เฮ้อ จนได้สิน่า...” ฉันถอนหายใจเมื่อมาถึงหน้าประตูห้องแต่งตัวนายแบบ
อเล็กซ์จะคิดว่าฉันมาจีบนายแบบในห้องนี้หรือเปล่านะ ขนาดฉันพูดกับลูก้าแค่ไม่กี่ครั้งอเล็กซ์ยังใส่ร้ายฉันเสียขนาดนั้น
เชื่อสิ แค่ขยับตัวอเล็กซ์ก็หาว่าฉันผิดแล้ว...
ฉันเปิดประตูห้องเข้าไป
หลังฉากแฟชั่นโชว์สตาฟของงานกำลังวิ่งวุ่น ไม่มีใครสนใจฉัน เบื้องหลังงานแฟชั่นโชว์คงจะสับสนอลหม่านแบบนี้เสมอละมั้ง
“อเล็กซ์อยู่ไหนคะ? ”
ฉันถามพี่สตาฟคนหนึ่งก่อนที่เธอจะวิ่งเร็วจี๋ผ่านไป
“เอ๋? น้องเป็นใคร? เข้ามาข้างในนี้ไม่ได้นะคะ!
” เธอตอบทั้งที่เท้ายังวิ่งอยู่กับที่
“มีโทรศัพท์ถึงอเล็กซ์ค่ะ
งั้นพี่ช่วยเอาไปให้เขาหน่อยได้ไหมคะ”
“โอ๊ยไม่ได้หรอกค่ะ
พี่ยุ่งจะตายอยู่แล้ว! ” เธอทึ้งหัวตัวเองก่อนจะดุนหลังฉันไปที่ประตูบานหนึ่งแล้วรีบวิ่งจากไป
“น้องเอาไปให้เขาเองเถอะค่ะ รีบๆ ด้วยล่ะ! ”
ฉันผ่านประตูเข้าไปหลังฉากซึ่งเป็นส่วนที่นายแบบกำลังแต่งตัวกัน
จากทางเข้าฉันเห็นอเล็กซ์แต่ไกลตั้งแต่วินาทีแรกๆ ทั้งที่มีคนพลุกพล่าน
และนั่นก็เพราะความโดดเด่นสะดุดตาจนน่าโมโหของเขานั่นเอง
เขาดูโดดเด่นกว่าใครทั้งหมดในนั้น
ความสูงก็มากกว่าเพื่อนนายแบบด้วยกัน สมแล้วที่ถูกเลือกโดยดีไซเนอร์ให้เดินปิดท้ายในชุดสำคัญที่สุด
หากจะพูดอย่างไม่ลำเอียงอเล็กซ์เหมาะกับตำแหน่งนี้จริงๆ นั่นล่ะ เขาดูดีไปทุกองศา
ยากที่เห็นแล้วจะละสายตา ไม่น่าแปลกใจที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นนายแบบแนวหน้าได้ภายในเวลาไม่นาน
แถมยังเป็นขวัญใจของคนทั้งในและนอกวงการเสียอีกทั้งที่เย็นชาขนาดนั้น....
มีพี่สตาฟรุมแต่งหน้าทำผมให้เขาถึงสามคน
ฉันนึกสงสารพี่ๆ ที่ต้องเหนื่อยกลัดกระดุมเสื้อ จัดผม
และตรวจสอบความเรียบร้อยให้เอล็กซ์ทุกมุมราวกับเขาเป็นเจ้าชายรูปงาม พวกเขาจะเคยถูกอเล็กซ์ดุใส่บ้างไหมนะ...?
แล้วทันทีที่ฉันเดินฝ่าเข้าไปหาอเล็กซ์ที่อยู่เกือบจะด้านในสุดพวกนายแบบก็พากันหันมามองฉัน
ไม่ใช่เพราะฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวเพราะในนี้ก็มีพี่ๆ สตาฟผู้หญิงอยู่บ้าง แต่กับฉันนายแบบพวกนี้คงไม่คุ้นหน้าและรู้ทันทีว่าฉันเป็นคนนอกที่เข้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง
คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างฉันคงไม่ควรมาที่นี่จริงๆ นั่นล่ะ
“วี๊ดวิ้ว” พวกนายแบบเป่าปากใส่ฉันด้วย ฉันเกลียดเวลาพวกผู้ชายอยู่ด้วยกันเป็นบ้าเลย! แม้แต่นายแบบหน้าตาดีๆ
ก็ยังป่าเถื่อนเหมือนแก๊งสเตอร์ข้างถนนขึ้นมาเฉยๆ
หนำซ้ำตอนนี้พวกเขาสี่ห้าคนยังเดินมาขวางทางฉันไว้ด้วย
“เธอเป็นใคร เจ้าหญิงงั้นเหรอ? ”
นายแบบคนหนึ่งถามขึ้นและเดินใกล้เข้ามาอีก ฉันรีบถอยหลัง
“มาทำอะไรที่นี่
มาหาฉันใช่ไหมคนสวย? ” อีกคนก็ถามและเดินเข้ามาใกล้ฉันเช่นกัน ภายในไม่กี่วินาทีนายแบบเกือบสิบคนก็มายืนล้อมอยู่รอบตัวฉันแล้ว
น่ากลัวจัง
“ผู้หญิงไม่ควรมาในที่ที่ผู้ชายกำลังแต่งตัวแบบนี้นะ
เพราะบางทีมันอาจจะทำให้เราเสียงานแล้วก็...” นายแบบคนหนึ่งพูดขึ้น
ไม่เท่านั้นยังยื่นมือเข้ามาใกล้ตัวฉันด้วย ไม่นะ...!
“หุบปาก! ” เสียงตวาดดังลั่นทำให้นายแบบพวกนั้นชะงักงัน
ไม่ใช่แค่พวกเขาหรอกที่กลัว แม้แต่ฉันเองก็ยังกลัวไปด้วยโดยเฉพาะเมื่อหันไปทางต้นเสียงและเห็นดวงตาดุดันสีออบซิเดียนของอเล็กซ์จ้องมองมา
“อเล็กซ์ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
พวกนายแบบแก้ตัวด้วยสีหน้าซีดเผือด “สาวสวยคนนี้เป็นเพื่อนนายเหรอ?”
อเล็กซ์ไม่ตอบหากแต่ลุกขึ้นและเดินเข้ามาคว้าข้อมือของฉันดังหมับ
แรงบีบจากฝ่ามือร้อนและน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองกว่าทุกครั้งทำให้ฉันเกร็ง
“เข้ามาทำไม? ”
ไม่บอกก็รู้ว่าเขาโกรธที่ฉันเข้ามาวุ่นวายระหว่างการทำงานของเขา
แต่ใช่ว่าฉันอยากมาหาเสียเมื่อไหร่!
“มีโทรศัพท์ถึงนาย กลัวจะเป็นเรื่องด่วน”
ฉันยื่นโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้งให้เขา
ดวงตาแข็งกร้าวมองฉันอย่างหงุดหงิดครู่หนึ่งก่อนจะตวัดกลับไปยังกลุ่มนายแบบที่ยังมองฉันอยู่ที่เดิม
“เลิกมองซะที! จะไปทำอะไรก็ไปสิ!”
จบคำพวกนายแบบก็เดินหนีไปด้วยความเกรงกลัว
ฉันอดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนในแก๊งเท่านั้นที่เกรงใจเขา หากแต่นายแบบคนอื่นๆ
ก็เหมือนกัน อเล็กซ์โมโหร้ายและน่ากลัวแบบนี้เสมอใช่หรือเปล่านะ?
“วันหลังอย่ามายุ่มย่ามในที่ของผู้ชายแบบนี้อีก”
เขาดุก่อนจะคว้าโทรศัพท์ไปจากมือของฉัน แล้วอยู่ๆ
สีหน้าดุดันก็เลือนหายไปพร้อมกับเสียงรับสายที่อ่อนโยน
“ครับแม่”
ฉันแทบหงายหลัง
อเล็กซ์ที่น่ากลัวเมื่อกี้หายไปไหนเสียแล้วล่ะ!? ตอนนี้ผู้ชายที่กำลังพูดกับคุณแม่ผ่านโทรศัพท์ดูทั้งอ่อนโยนและน่ารัก
ครึ่งนาทีผ่านไป ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน รู้แต่ว่าคงจะคุยกันอีกนาน
เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยทิ้งโทรศัพท์ให้เขาคุยกันตามสบายแล้วเดินออกไป
แต่หันหลังได้ก้าวเดียวอเล็กซ์ก็คว้าข้อมือของฉันไว้
แถมยังรั้งฉันให้ถอยกลับมาจนเกือบเซโดยที่ตัวเขาเองก็ยังคุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ
“อะไร? ” ฉันกระซิบถาม
ทั้งรำคาญและไม่เข้าใจ
“รอก่อน” เขาสั่งฉันเสียงห้วนก่อนจะหันไปคุยกับคุณแม่เหมือนลูกชายที่แสนดี
แล้วเวลาก็ผ่านไป นานจนเขาคงลืมไปแล้วว่าตัวเองยังจับมือของฉันเอาไว้
“ปล่อย” ฉันพยายามบอก
บุ้ยใบ้ให้เขาดูว่าเขายังจับมือของฉันไว้
แถมฉันยังบอกด้วยท่าใบ้อีกว่าขืนอยู่นานกว่านี้พี่ๆ ทีมงานอาจจะบีบคอฉันตาย
แต่อเล็กซ์กลับเพียงอ่านปากฉันอย่างเฉยเมยและคุยกับคุณแม่ต่อไป ทำไมเขาถึงยังไม่ปล่อยมือฉันอีกล่ะ...?
ฉันโล่งใจเมื่อในที่สุดอเล็กซ์ก็วางสายแล้วคืนโทรศัพท์ให้ฉัน
“เอาคืนไป” แต่ทันทีที่ฉันได้โทรศัพท์และจะเดินออกไปเขาก็เรียกไว้อีกด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะ” ฉันชักสีหน้า
ทว่าเขาเพียงจ้องมองฉันอย่างใจเย็นและคว้าขวดน้ำจากโต๊ะมาดื่มหน้าตาย
เมื่อหมดแล้วก็ยื่นขวดเปล่าให้ฉัน “ฝากทิ้ง”
“แค่นี้? “ ฉันอ้าปากค้าง อยากจะบ้าตาย
นายแบบเรื่องมากคนนี้บังคับให้ฉันอยู่รอเพื่อให้ทิ้งขวดน้ำเท่านั้นใช่ไหม? “นายไม่มีมือทิ้งเองหรือไง? ”
“มีแต่เธอนั่นล่ะที่ว่างงาน”
เขาหาเรื่องว่าฉันอีกจนได้ แต่เพื่อไม่ให้เขาหาเรื่องอีกฉันก็เลยรีบคว้าขวดจากมือเขาแล้ววิ่งออกไป
แต่นายแบบกลุ่มเดิมไม่วายเป่าปากไล่หลังฉัน ทำให้อเล็กซ์ตวาดอย่างน่ากลัวอีกครั้ง
“เงียบ! ”
อะไรของผู้ชายพวกนี้กันนะ!? ฉันขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เข้ามาในห้องแต่งตัวนายแบบอีกเด็ดขาด!
ในที่สุดงานแฟชั่นโชว์ก็เริ่มขึ้นแล้ว! ในขณะเวลานี้เบื้องหน้าเราท่ามกลางแสงไฟคือแคทวอล์คยาวเหยียดที่สุดแสนอลังการ
เสียงฮือฮาของพวกผู้หญิงในงานดังเกินไปมากทีเดียว
อย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตแต่เป็นงานแฟชั่นโชว์ของเสื้อผ้าแบรนด์หรูระดับโลกนะ
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พอจะเข้าใจพวกเธออยู่หรอก
นายแบบนางแบบระดับโลกบินข้ามฟ้ามาทั้งทีจะให้ปิดปากเงียบอยู่ก็คงจะไม่ได้ แค่ได้ยินว่า
อเล็กซ์ แวนครอฟจะมาสาวๆ ก็ทะลักกันเข้ามาในงานเหมือนน้ำทะเลทะลักเข้าเรือไททานิคแล้ว
และนั่น...ร่างที่สูงสง่าราวกับเจ้าชายในฝันกำลังเดินออกมา
“นั่นไงอเล็กซ์! กรี๊ด…!! ”
พวกผู้หญิงทั้งกองทัพที่นั่งอยู่ด้านหลังฉันกรีดร้องสุดเสียง ฉันอุดหูแทบไม่ทัน
ฉัน แอน และไรอันนั่งอยู่แถวหน้าสุดติดกับแคทวอล์คเลยทีเดียว
และนั่นก็เพราะบัตรที่พวกเราได้จากโรเซียเป็นบัตรวีไอพี
คนที่ฉันไม่อยากมองช่างดูดีอย่างไม่น่าเชื่อเลย
ร่างสูงในชุดสูทดำสนิทที่กำลังเดินออกมาสู่แสงไฟนั้นเปล่งประกายและไร้ที่ติจนน่าโมโห
ใบหน้าล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำเข้มที่เซ็ตทรงสุดเท่ดูหล่อเหลาอย่างไม่น่าให้อภัย
“กรี๊ด! อเล็กซ์!!”
ยิ่งเขาเดินใกล้เข้ามาเสียงกรีดร้องของพวกสาวๆ ก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก ไม่แค่กรีดร้องแต่พวกเธอยังชะโงกมาข้างหน้าจนแทบจะทับหัวฉันแบนแล้ว
ช่วยด้วย! แต่เอ๋? แต่ทำไมเสียงกรีดร้องที่ทะลุแก้วหูที่สุดกลับกลายเป็นเสียงข้างตัวฉันไปได้!?
“กรี๊ด!!” แอนนั่นเองที่กรีดร้องจนแก้วหูของฉันแตกกระจาย
เผลอๆ กะโหลกฉันอาจจะร้าวไปแล้วด้วยซ้ำไป เธอกลายเป็นปีศาจนกหวีดที่น่าหวาดผวา
“กรี๊ด อเล็กซ์หล่อเกินไปแล้ว โอ๊ย
ฉันจะขาดใจตาย...”
ถ้าแอนตายจริงหูของฉันคงจะมีความสุขมากแน่ๆ
แต่เมื่อลืมเสียงดังหนวกหูรอบข้างและมองออกไป...ใบหน้างดงามคมคายอย่างที่สุดนั้นไม่ยิ้มเลย...
อเล็กซ์รู้สึกอย่างไรนะท่ามกลางแสงไฟสว่างไสว...? เขามีความสุขดีหรือเปล่า ถึงฉันจะรู้ว่านายแบบและนางแบบชอบวางสีหน้านิ่งตาย
และว่าที่จริงการไม่ยิ้มอาจจะเป็นความงามขั้นสูงสุดในสายตาของคนวงการแฟชั่นแต่ฉันก็ยังอดสงสัยไม่ได้
ที่เคียงข้างกับอเล็กซ์เวลานี้ก็คือเลอาห์ที่สง่างามราวกับเจ้าหญิงในชุดของคริสเตียน
ลาครัวซ์ ดีไซน์เนอร์ระดับโลกที่ทั้งวงการแฟชั่นเคารพรักใคร่ และในวันนี้คริสเตียน
ลาครัวซ์ก็ราวกับถอดจิตวิญญาณแห่งราชสำนักแวร์ซายส์มาไว้ในชิ้นงาน ทำให้แต่ละชุดของเขาไม่ใช่แค่เพียงเสื้อผ้าหากทว่าเป็นชิ้นงานศิลปะที่ละเอียดล้ำค่าและชวนฝัน
ส่วนเลอาห์ที่สวมชุดของเขาอยู่ก็ยิ่งทำให้ชุดนั้นเปล่งประกายและทรงพลัง
สมแล้วที่เป็นนางแบบดาวรุ่ง
ไม่ว่าชุดสวยแค่ไหนเมื่อได้อยู่บนเรือนร่างของเธอก็สวยขึ้นอีกนับร้อยเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเดินคู่มากับอเล็กซ์ก็ดูเหมาะสมกันราวกับคู่รักที่งดงามเกินอธิบาย
ทั้งสองเดินผ่านหน้าเราไปอย่างสง่างามก่อนจะตามด้วยการปรากฏตัวของโรเซียและลูก้า
และถึงพวกเขาจะไม่เป็นที่รู้จักเหมือนอเล็กซ์ที่อยู่ในวงการมานาน
แต่ฉันว่าสองคนนี้น่ามองกว่านายแบบชั้นนำอย่างอเล็กซ์หลายเท่า
ลูก้าที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟดูมีเสน่ห์อย่างประหลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินอยู่เคียงข้างโรเซียของเขา
งดงามเหลือเกิน...พวกเขาดูราวกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกันและกัน
แม้แต่เส้นผมและดวงตาก็เป็นสีเดียวกันอย่างน่าประหลาดใจ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคู่รักที่งดงามราวกับฝาแฝดแห่งหมู่ดาวเจมินี่บนโลกเล็กๆ
ใบนี้...และเพียงแค่ได้เห็นห่างๆ ฉันก็มีความสุขอย่างที่สุดแล้ว
“กรี๊ด...!! ”
อา...เสียงกรีดร้องเมื่อกี้เป็นเสียงกรีดร้องที่ดังที่สุดตั้งแต่งานเริ่มขึ้นเลยทีเดียว! แอนหันไปทางเสียงนั้น สงสัยว่าจะมีใครกรีดร้องดังเท่าเธอได้
แล้วเธอก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเป็นฉันเองที่อ้าปากกรีดร้องอยู่ เธอคงไม่คิดว่าฉันที่บ่นตลอดว่าเกลียดคนดังจะกรีดร้องได้
และเมื่อเธอชี้หน้าฉันทั้งที่ปากยังอ้าค้างไว้ฉันก็แค่ยิ้มและไหวไหล่
“เอาป้ายไฟด้วยไหม? ” แอนประชดทว่าฉันไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจอีกครั้ง
แต่แล้วอยู่ๆ สันหลังของฉันก็เย็นวาบขึ้นมา...ราวกับมีสายตาเยือกเย็นเพ่งเล็งมา
แล้วปลายสายตาของฉันก็มองเห็น...อเล็กซ์นั่นเองที่เดินวกกลับมาจากหน้าเวที
ดวงตาสีออบซิเดียนดำสนิทจ้องมองฉันอย่างขุ่นเคืองและดุดัน เขาเข้าใจผิดอีกแล้วสินะ
เขาคงนึกว่าฉันกรีดร้องให้ลูก้าทั้งที่ฉันกรีดร้องให้โรเซียเท่านั้น
แต่ถึงฉันจะเชียร์ทั้งคู่ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย สายตาของอเล็กซ์ทำให้ฉันหงุดหงิด ทำไมเขาต้องจับผิดฉันกันตลอดเวลาแบบนี้ด้วย!
ช่างเถอะ
ฉันจะต้องกลัวเขาเข้าใจผิดไปทำไม คนที่หยิ่งและเย็นชายิ่งกว่าใครในโลกคนนั้น...
แล้วฉันก็ดีใจได้เต็มที่เมื่อร่างสูงเดินเข้าเวทีไป
เขาคงจะดีใจที่ไม่ต้องเห็นฉันให้รำคาญตา และฉันเองก็เช่นกัน
ฉันคงมีความสุขมากทีเดียวถ้าไม่ต้องเห็นหน้านาย
อเล็กซ์ ภาคินัย แวนครอฟ
งานเดินแบบจบลงแล้วพร้อมด้วยรอยยิ้มและความประทับใจ
ถึงฉันจะบอกตัวเองว่าไม่ใส่ใจกับสายตาดุดันและคำพูดข่มขู่ของอเล็กซ์แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
เพราะฉะนั้นฉันเลยตั้งใจจะตีตัวห่างจากลูก้าและโรเซียเพื่อให้เขาสบายใจ เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่เพราะฉันใส่ใจความรู้สึก
ของอเล็กซ์หรอกนะ
แต่เพราะฉันรู้ว่าหลังจบงานแล้วฉันคงไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกับเพื่อนๆ แก๊งนี้อีกต่อไป
เพราะที่สำคัญ...โรเซียกำลังจะไปจากที่นี่แล้ว
“น่าสงสารลูก้า คู่หมั้นไปซะแล้ว”
แอนถอนหายใจ สายตาหมองเศร้า
ของเราทั้งคู่มองไปที่โรเซียกับลูก้าที่กำลังกอดลากันริมหาดทราย
ลูก้าดูเป็นห่วงโรเซียจนน่าใจหาย
เขากำชับเธอให้ดูแลตัวเองหลายอย่างเหมือนเจ้าชายรูปงามที่หวงแหนเจ้าหญิงสุดที่รักยิ่งกว่าสิ่งใด
พวกเขาสองคนบอกลากันอย่างอ่อนหวานจนวินาทีสุดท้าย
วันนี้เป็นวันที่โรเซียจะกลับไปอังกฤษเพื่อถ่ายแบบ
และฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะได้กลับมาที่นี่อีกไหม แย่เหลือเกิน... เวลาที่ฉันได้เจอโรเซียนั้นสั้นเกินไป...
บางทีฉันอาจแค่พักอยู่ในโรงแรมนี้โดยไม่ไปเจอพวกนั้นอีก
โดยเฉพาะลูก้า...คิดดูสิว่าถ้าฉันขืนคุยกับเขาอีกสักคำอเล็กซ์จะอาละวาดแค่ไหน
แต่การไม่ได้เจอลูก้าไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจ มีแต่โรเซียเท่านั้นที่แค่คิดว่าเธอกำลังจะไปฉันก็แทบจะร้องไห้...
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องไปเจอกับพวกนั้นแล้ว”
ฉันบอกกับแอน
“ทำไมล่ะ”
“ก็โรเซียไม่อยู่แล้วนี่” ฉันถอนหายใจ
“ที่ผ่านมาฉันยอมตามใจเธอมาอยู่ใกล้ๆ นายแบบนางแบบกลุ่มนี้ก็เพราะฉันรักโรเซีย ส่วนคนอื่นๆ
ฉันไม่แคร์”
“อะไรกันอัยย์!? ” แอนน์ฟาดหลังฉันดังตุ้บ
“แล้วไรอันล่ะ ไหนจะลูก้า
เลอาห์แล้วก็อเล็กซ์อีก พวกนี้เป็นคนนิสัยดีทั้งนั้น
เธอจะพูดได้อย่างไรว่าเธอไม่แคร์!?
”
“ฉันพูดจริงนะ ฉันแคร์โรเซียที่สุด
แต่เธอไปแล้ว ที่สำคัญมีคนไม่อยากให้ฉันเข้ากลุ่มด้วย ชอบหาเรื่องจนฉันเบื่อ”
“เธอหมายถึงใคร? ”
“เธอดูไม่ออกจริงๆ เหรอแอน”
“ไม่ ฉันดูไม่ออก” แอนส่ายหน้า
“อเล็กซ์ไง เขาทำตาขวางใส่ฉันเรื่อย
ลับหลังคนอื่นเขาหาเรื่องฉันตลอด”
“ไม่จริงมั้ง เธอคิดไปเองหรือเปล่า?
” แอนเอียงหัวมองฉันเหมือนฉันเป็นเด็กพูดเหลวไหล
“ไม่เลย รู้ไหมวันที่เราไปดำน้ำกันอเล็กซ์บอกว่าไม่อยากให้ฉันมา
แล้วเขาก็บอกด้วยว่าฉันไม่ควรรับปากไรอัน”
“ฟังผิดมั้ง”
“แอน
อย่าคลั่งนายแบบจนไม่ลืมหูลืมตาสิ” ฉันทึ้งผมตัวเอง “อเล็กซ์ก็แค่ผู้ชายนิสัยไม่ดีคนหนึ่งเท่านั้น
เขาเป็นนายแบบ เพราะงั้นถ้าเขาจะหยิ่งและนิสัยเสียมันก็เป็นเรื่องธรรมดา"
“แต่ว่า...”
“เธอเชื่อเขามากกว่าฉันเหรอ
ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอนะ คิดดูสิ คนอย่างเขาจะมาสนใจเราทำไม โอเคฉันยอมรับว่าไรอันนิสัยดีมาก
แต่อเล็กซ์น่ะไม่ เขาหยิ่งจะตาย แล้วเขาก็ไม่เคยอยากได้เราเป็นเพื่อนด้วย”
“อัยย์ เธอก็พูดเกินไป” คิ้วของแอนขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
วินาทีต่อมาเธอก็สะบัดหน้า “ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว ไปหาไรอันดีกว่า เฮ้ ไรอัน”
พูดจบแอนก็วิ่งไปหาไรอันที่กำลังเดินตามหาเธออยู่แล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวซะงั้น
“เดี๋ยวสิแอน! ”
แต่ถึงฉันจะร้องเรียกไปก็เท่านั้นเพราะแอนกับไรอันเดินจูงมือกันหายไปแล้ว
นี่คู่นี้กลายเป็นแฟนกันไปแล้วใช่ไหม? แล้วฉันล่ะแอน เธอทิ้งเพื่อนอย่างฉันได้อย่างไร!?
เอาเหอะ อย่างแย่ที่สุดฉันก็แค่ต้องเที่ยวในโรงแรมและเมืองนี้คนเดียวโดยที่แอนไปเกาะติดกับก๊วนนายแบบนางแบบที่เหลือพวกนั้น
แต่ฉันเตรียมใจไว้แล้วและจะไม่เป็นไร อย่างไรเสียฉันก็ไม่ใช่คนขี้เหงาที่เที่ยวคนเดียวไม่ได้
คงต้องทำใจไว้ตั้งแต่ตอนนี้ว่าฉันได้เสียเพื่อนคนเดียวในโรงแรมนี้ไปแล้ว
ฉันถอนหายใจเซ็งๆ และยกมือบ๊ายบาย
ลาก่อนนะแอน
ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
- D a y d r e a m -