protect copy

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Maple Rhapsody บทที่ 6 Gonna be Sexy









หลังจากฉันหายไข้ดีและกลับเข้าเรียนแล้วแซคก็ชวนฉันมาเรียนกินผักที่สลัดบาร์ร้านเดิม
 “อย่าบอกเรื่องนี้กับแคมม์นะ !” ฉันขู่แซคเหมือนแมวบ้า ทั้งที่ในใจหวั่นว่าตัวเองอาจไม่มีอะไรไปต่อรองคนอย่างเขาได้เลย  
“เรื่องอะไร เรื่องที่เธอแอบชอบคนมีเจ้าของเหรอ ทำไมล่ะ? ”
“อ๊าย! ทำไมถึงกล้าถาม?!” ฉันบีบคอแซคแล้วเขย่าจนลูกค้าสลัดทั้งร้านมองฉันอย่างหวาดผวา บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะโทรเรียกตำรวจด้วย
“ขอบใจนะที่พูดได้แทงใจดำ” ฉันแทบจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ทว่าตอนนี้ได้แค่หยิกแก้มเขาแรงๆ แบบไม่กลัวหน้าหล่อๆ ของเขาพังยับเยิน
“นายรู้ทันฉันทุกเรื่องเลยนะ โอเค! ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันน่ะ เอ่อ...ชอบแคมม์ แต่แค่นิดเดียว เข้าใจไหม !? นิดเดียวจริงๆ! เพราะฉะนั้นนายอย่าทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นได้ไหม!?
“ชอบนิดเดียว? จริงเหรอ ไหนว่าจะพูดความจริงกับฉันแล้วไง? ”
“โอ๊ย ตาย” ฉันเปลี่ยนมาโขกหัวตัวเองลงกับโต๊ะอย่างแรง “โอเคๆ ฉันยอมแพ้นายแล้วแซค ถือว่าฉันขอนะ ได้โปรดเถอะ นายอย่าทำท่าเหมือนรู้เรื่องแล้วคาบไปบอกใครนะ”




“เธอคิดว่าฉันเป็นคนชอบประจานเพื่อนหรือไง”
“เปล่า เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่พูดกันๆ ไว้ เผื่อนายลืมตัว”
“จะพยายาม”
“แค่นั้นไม่พอ นายต้องสัญญากับฉัน ไม่เอาดีกว่า นายต้องสาบานกับฉัน !” ฉันขู่กระชาก
“อืม...” แซคคิดอยู่นานจนฉันเริ่มร้อนรน “ก็ได้”
“อ้าว? อะไรจะง่ายแบบนั้น? ” ฉันอ้าปากค้างเมื่อเขารับปากง่ายๆ
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
ฉันยกมือก่ายหน้าผาก “นั่นไง นึกแล้วไม่มีผิด ฉันน่าจะรู้แก่ใจว่านายไม่ใช่คนดี”
 “เธอต้องไปแข่งวอลเล่ย์บอลกับฉัน วิคกี้”
“วอลเลย์บอล?” ฉันอ้าปากค้างกว้างกว่าเดิม “อะไรของนายหา!?
“ก็เธอบอกว่าเธอเคยเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลล์ของวิทยาลัยตอนยังอยู่ที่โทรอนโตไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นนี่ก็เป็นเรื่องที่เธอต้องชอบอยู่แล้ว”
“มันก็ใช่ แต่...” แต่ฉันหรี่ตา ได้แต่คิดว่าตัวเองจะไว้ใจแซคไม่ได้
“นึกแล้วว่าเธอต้องไปแข่งกับฉัน ขอบใจนะ”
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อย!
ทว่าแซคก็แค่ยิ้มอย่างมั่นใจ “เธอต้องตกลงแน่วิคกี้”
ราวกับแซครู้ว่าฉันชอบเล่นวอลเล่ย์บอลเป็นชีวิตจิตใจ และฉันก็เก่งเกินกว่าจะหนีหนีคำท้าไหนๆ
“ไม่” ฉันสะบัดหน้า “ฉันไม่แข่ง”
“จริงสิ ฉันลืมบอกไป ทัวร์นาเมนท์นี้รางวัลสูงที่สุดในอเมริกา ชนะเลิศได้เงินห้าหมื่นดอลลาร์ รองชนะเลิศได้สามหมื่น ที่สามได้หนึ่งหมื่น”
“หา!?” ฉันกระเด้งพรวดพราด “ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม!? เงินมากขนาดนั้นมันเหมือนทำงานพาร์ทไทม์เป็นปีเลยไม่ใช่เหรอ!?
“เราเป็นเพื่อนกัน ถ้าเรื่องไม่ดีฉันจะมาชวนทำไม”
แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจแซคอยู่ดี “เดี๋ยวก่อน นายคิดว่าจะชนะหรือไง อีกอย่างนายจะเล่นวอลเล่ย์เก่งแค่ไหนเชียว”
“แววตาเธอมันบอกชัดๆ ว่าแค่ชนะที่สามเธอก็นอนตายตาหลับแล้ว ทำไมฉันจะไม่เข้าใจเธอวิคกี้ คนคาเนเดียนอย่างเราต้องหาเงินเอง ถึงพ่อแม่จะรวยล้นฟ้ามาจากไหนพวกเราก็ต้องทำงานหาเงินเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ถือว่ามีเกียรติอะไรเลยจริงไหม นี่เป็นโอกาสหาเงินด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว ฉันเก่งวอลเลย์บอลแน่ ว่าแต่เธอเหอะจะเก่งแค่ไหน ที่ว่าเป็นนักกีฬามาก่อนอาจจะแค่โม้ก็ได้”
“ฉันต้องเก่งอยู่แล้วสิ อย่ามาดูถูกกันนะ! เรื่องวอลเล่ย์ฉันไม่เคยยอมแพ้ใคร!
“นั่นเธอรับปากแล้วเหรอ”
“อะ...เอ่อ...”
ในที่สุดฉันก็แสร้งทำเป็นรับปากอย่างจำใจ ทั้งที่ความจริงฉันตื่นเต้นจนรอวันแข่งแทบจะไม่ไหว “เอาเถอะ ถือว่าสงสารนายฉันยอมไปแข่งก็ได้ ตราบใดที่นายสัญญาจะรักษาความลับของฉัน” ฉันขู่น่ากลัว
“ฉันสัญญา เธอไว้ใจลูกผู้ชายอย่างฉันได้เลย” แล้วแซคจับมือฉันดังหมับ “ตกลงเราเล่นคู่กันแล้วนะ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันสนิท เพราะฉะนั้นเธอต้องแข่งคู่กับฉัน”
“ดะ..เดี๋ยว!? แข่งคู่อะไร!?  ไม่ใช่แข่งทีมหรอกเรอะ!?
“ไม่ใช่” แซคกล่าวด้วยรอยยิ้มหล่อเหลา “คู่ผสม”
“คู่ผสม? “ ฉันทวนคำด้วยหน้าตาตื่นตกใจ “เดี๋ยวก่อนนะ วอลเล่ย์บอลที่เล่นคู่...!? เอ๋...!? ถ้างั้น...”
แซคยิ้มร้าย ทำให้ฉันรู้ตัวว่าตกหลุมพลางของเขาเข้าแล้วอย่างง่ายดาย ใบหน้าสวยๆ ของฉันกลายเป็นบูดเบี้ยวเหยเกในทันทีทันใด “ไม่จริง...”
 “ใช่” แซคยิ้มเหมือนภูมิใจที่อ่านคำตอบในใจฉันได้ “วอลเล่ย์บอลชายหาด”
“วอล-เล่ย์-บอล-ชาย-หาด! วอลเล่ย์บอลชายหาดงั้นเรอะ!!” ฉันร้องโหยหวน เพิ่งนึกได้ว่าอยากฆ่าตัวตาย “ไม่จริง ม่าย...!
นี่เป็นอีกเรื่องที่ฉันพลาดท่าเสียรู้ให้กับแซค และฉันหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย
“อ๊าย!!

ชายหาดซานตาครูส อเมริกา
“ว้าว!
พอมาถึงสถานที่แข่งขันวอลเล่ย์บอลฉันก็รู้ทันทีว่าทัวร์นาเม้นท์นี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน งานนี้ใหญ่เป็นสิบเท่าจากที่ฉันคิดวาดภาพไว้ ผู้ชมกลางแดดที่อยู่ข้างหน้าฉันเวลานี้กะคร่าวๆ แล้วอาจจะถึงหมื่นก็ได้!
จริงอยู่ฉันเป็นคนติดที่และเกลียดการเดินทางออกนอกประเทศเป็นชีวิตจิตใจ แต่การเดินทางมาอเมริกาเพื่อเงินรางวัลดูจะคุ้มค่ากับการออกนอกเขตปลอดภัยของฉัน อีกอย่างการแข่งขันครั้งนี้ก็จะจบลงในไม่กี่วัน และจะว่าไปถึงอเมรกาถึงจะเป็นอีกประเทศทว่าก็ราวกับบ้านพี่เมืองน้องของแคนาดา ด้วยความที่ชายแดนติดกันทำให้สองประเทศนี้ดูคล้ายกันราวกับประเทศเดียว เพียงแต่อเมริกาเป็นเหมือนเมืองหลวง และแคนาดาเป็นเหมือนชานเมือง...ก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นฉันถึงไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่ที่ต้องข้ามประเทศมาไกลขนาดนี้ 
รอบๆ สนามแข่งมีป้ายสปอนเซอร์ระดับโลกมากมาย คงด้วยเพราะมีการโปรโมตงานใหญ่นี้มาตลอดทั้งปี ที่สำคัญงานนี้ต่างจากการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดอื่นๆ ตรงที่ไม่ได้แข่งแบบหญิงคู่หรือชายคู่ หากแต่แข่งแบบคู่ผสม หนำซ้ำยังดูราวกับจะคัดหน้าตาของคนที่สมัครเข้าแข่งขัน คู่แข่งทั้งหมดถึงได้ดูราวกับนายแบบนางแบบที่เดินออกมาจากแมกกาซีน รูปร่างหน้าตาของทุกคนดูหล่อสวยแบบไม่ธรรมดาทีเดียว
...ฉันรู้สึกประหม่า... ถึงกระนั้นฉันก็ไม่คิดจะถอยหลัง ฉันต้องมาที่นี่เพื่อเหยียบความลับของฉัน หากแต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น
 “ห้าหมื่นดอลล่าร์นะวิคกี้” แซคย้ำ
“...ห้าหมื่นดอลล่าร์...”
ถึงจะตื่นเต้นกับเงินรางวัลฉันก็ยังไม่หายหวาดผวา และคนทั่วไปก็คงสยดสยองเหมือนฉันถ้าคิดดีๆ ว่าวอลเลย์บอลชายหาดที่จริงแล้วหมายถึงอะไร ไม่ใช่แค่กีฬาธรรมดา หากแต่หมายถึงกีฬาในชุดบิกินี่ และนั่นก็หมายความว่าวอลเล่ย์บอลล์ชนิดนี้เป็นกีฬาที่ร้อนแรงและเซ็กซี่ที่สุดในโลก และแน่นนอนว่าฉันไม่มีทางยอมมาแข่งวอลเล่ย์บอลในชุดนี้ถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน!
สถานที่แข่งถูกจัดขึ้นบนชายหาดที่ทรายสีขาวละเอียดตัดกับท้องทะเลสีฟ้า ดูโรแมนติกเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อดูเหมือนคู่แข่งส่วนใหญ่จะเป็นคู่รักกันอยู่แล้ว ทุกคนอยู่ในชุดว่ายน้ำที่ดูเซ็กซี่และมีสไตล์
ฉันหายใจเฮือกเมื่อเห็นคู่รักฝั่งตรงข้ามจูบกันกลางหาดทรายอย่างร้องแรง ตามด้วยเสียงกรีดร้องดังสนั่นของผู้ชมจนแสบแก้วหู “โอ๊ย!
ไฟแทบจะเผาทั้งหาดให้มอดไหม้แล้วพรึ่บ!!
แซคถอดเสื้อออก ได้เวลาแข่งของคู่เราแล้ว
“โอ๊ย แสบแก้วหู” ฉันปิดหูอีกครั้งทันทีที่แซคถอดเสื้อกระเด็น สาวอเมริกันกรีดร้องใส่แซคได้หนวกหูเหลือเกิน! แต่ฉันก็พอจะเข้าใจพวกเธออยู่ ที่พวกเธอกรีดร้องจนแทบขาดใจแบบนี้ก็เพราะตอนนี้แซคกำลังเปิดเผยเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า ท่อนล่างของเขาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นที่รั้งต่ำๆ อยู่แถวสะโพก ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเรือนร่างร้อนแรงและเซ็กซี่ขนาดนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีเซ็กซ์แอพพีลที่รุนแรงอย่างน่าประหลาดใจ เขามีซิกซ์แพ็คที่ชัดเจน อีกทั้งมีกล้ามเนื้อแผ่นอกที่น่ามองเหมือนผู้ชายที่ไม่เคยห่างยิมแม้แต่วันเดียว
ถ้าจะให้เทียบความร้อนแรงของแซคเพื่อนฉันกับคู่แข่งคนอื่นที่อยู่ต่อหน้าและที่แข่งไปก่อนหน้านั้น ฉันว่าแซคชนะขาดลอย ตัดสินจากเสียงกรีดร้องของผู้หญิงขอบสนามกับจำนวนกล้องและมือถือที่พวกเธอยกขึ้นมาถ่ายรูปเขาได้เลย
ฉันก็ต้องถอดเสื้อยืดออกเหลือแต่บิกินี่เหมือนกัน พรึ่บ!
“วี๊ดวิ้ว! “พวกผู้ชายขอบสนามเป่าปากใส่ฉัน
“หุบปาก! “ ฉันหันขวับและส่งแววตาสังหาร! แล้วเสียงเป่าปากก็เงียบสนิท
แต่อยู่ๆ แซคก็ดึงผมหางม้าของฉันจนแทบหน้าหงาย
“โอ๊ย!
 “เลิกทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคนเดี๋ยวนี้นะวิคกี้!
“จะทำไมฉัน !?  ปล่อยนะ!!
“ลืมแล้วหรือไงว่าเขามีคะแนนป๊อปปูล่าร์โหวต เดี๋ยวก็ถูกตัดคะแนนหรอก”
“เอ๋...?” ฉันเพิ่งนึกได้ “จริงสิ ลืมไป”
“คะแนนนี้สำคัญมากนะ เพราะถ้าแต้มสูสีเมื่อไหร่ผลโหวตอาจจะช่วยให้เราชนะ แต่เราต้องดูดี มีเสน่ห์ แล้วก็ชนะใจกองเชียร์ให้ได้ ถ้าพวกเขาชอบเรามากๆ พวกเขาอาจจะบังคับให้เราชนะทั้งที่คะแนนแพ้ก็ได้ เพราะงั้นเธอจะยังทำตัวเป็นยักษ์ใจร้ายอยู่อีกไหม”
 “ไม่ต้องบอกก็รู้น่า” ฉันสะบัดตัวออกจากแซคเมื่อดนตรีดังกระหึ่มขึ้น ก่อนจะตวัดสายตานัดหมายกับเขาเพื่อแดนซ์ให้เข้าจังหวะกันตามที่ซ้อมไว้ พวกเรากำลังทำคะแนนจากการเปิดตัวก่อนแข่ง
“วี๊ดวิ้ว!
“กรี๊ด!!”  คนดูคลั่งการแดนซ์คู่ของเราด้วย! ฉันใจเต้นแรง ฉันอยากชนะวอลเลย์บอลชายหาดทัวร์นาเม้นท์นี้มากจริงๆ
การแดนซ์ 30 วินาทีจบลงที่ท่าโพสต์คู่กันแบบสุดเท่ของเรา
“กรี๊ด...!!” คนดูขอบสนามกรีดร้องลั่น แล้วที่สกอร์บอร์ดก็ปรากฏคะแนนของเรานำคู่แข่งตั้งแต่ยังไม่เริ่มเสิร์ฟลูกแรกถึงสามคะแนนเต็ม!
“ว้าว!
เราชนะการแข่งขันรอบแรกง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะผู้หญิงฝ่ายตรงข้ามสวยอ้อนแอ้นไปหน่อย เธอรับลูกตบของแซคไม่ค่อยได้ แต่ฉันคิดว่าเธอมัวแต่มองแซคมากกว่า ตอนจบแฟนของเธอที่เล่นคู่กันถึงได้อาละวาดเธอเสียยกใหญ่
เราแข่งอีกรอบและชนะต่อไป ตอนนี้เราก็เริ่มมีกองเชียร์มากอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน และแน่นอนว่าต้องเป็นเพราะความหล่อเหลาแบบไม่เกรงใจใครของแซคนั่นเอง
เราชนะตลอดมาเกือบสองวันแล้ว ฉันทั้งเหนื่อยและเมื่อย แต่แซคยังดูสดชื่นอยู่
“เหนื่อยไหม” แซคถามฉันหลังจากแข่งเสร็จ
“นิดหน่อย สนุกมากกว่า” ฉันตอบ
“คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องชอบ แต่ดูไหล่เธอสิ เจ็บหรือเปล่า” แซคแตะไหล่ฉัน ฉันเจ็บจนร้องออกมา
“โอ๊ย แดดเผาเอาน่ะ นี่ขนาดทาครีมกันแดดแล้วนะ”
“เอานี่ไหม” แซคล้วงกระเป๋าหยิบหลอดครีมบางอย่างมาเปิดและทาแขนให้ฉัน ครีมของแซคให้ความรู้สึกทั้งเย็นและสบาย แต่ฉันก็ไม่อยากกินแรงเขาถึงขนาดที่เขาต้องเป็นฝ่ายทาให้
“เอามานี่ ฉันทาเอง”
“เมื่อยก็อยู่นิ่งๆ ฉันทาให้ แล้วขาล่ะเมื่อยไหม” แซคถามอีก
“สุดๆ เลยล่ะ ยกจะไม่ขึ้นแล้วเนี่ย” ฉันตอบตามตรง การเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาดที่ต้องวิ่งและกระโดดบนพื้นทรายทำให้ฉันรู้ว่าใช้แรงขาไปมากแค่ไหน
แซคก็เลยยกขาฉันขึ้นมาวางบนตักของเขา ก่อนจะพ่นสเปรย์คลายกล้ามเนื้อให้ แล้วมือของแซคก็ถูและนวดขาของฉันอย่างคล่องแคล่ว
“สบายจัง ขอบใจนะ” ฉันบอกเขา หลับตาแล้วเคลิ้มหลับไปหลายวินาที ก่อนจะตื่นขึ้นอีกทีเพราะเสียงของเขา
“พรุ่งนี้ไม่ต้องวิ่งเยอะนะ ยืนเฉยๆ ฉันจะวิ่งรับบอลให้เอง”
“ขอบใจนะ” ฉันยิ้มและหลับตาลงอีกครั้ง “ฉันรู้แล้วว่านายเก่งมาก นายเท่เป็นบ้าเลย นายจะวิ่งไหว...”
ฉันไม่ได้พูดเกินเลย ฉันพูดจากใจ  
 “แล้วนายก็เป็นเพื่อนที่ใจดีมากๆ ด้วยแซค...”

การแข่งวันรุ่งขึ้นไม่เหมือนวันที่ผ่านมาสักนิด สนามแข่งไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและห้อมล้อมด้วยเสียงเชียร์ที่จริงใจเหมือนวันแรกหากแต่ตรงกันข้าม การแข่งขันรอบลึกๆ จะโหดขึ้นจนผู้หญิงใจอ่อนต้องถึงกับวิ่งร้องไห้กลับบ้านเลยทีเดียว
ปึ้ก! รอบนี้ฉันโดนอีกฝ่ายตบบอลอัดใส่อย่างแรง
พลั่ก! ฉันล้มคลุกทรายเพราะโดนลูกหยอด การแข่งรอบนี้โหดและยากอย่างไม่น่าเชื่อ!
ฉันประหลาดใจ ทั้งที่อีกฝ่ายตบบอลแรงขนาดนี้ จะตบไปที่ว่างตรงไหนของสนามก็รับยากทั้งนั้น แต่คู่แข่งกลับเลือกตบบอลตรงๆ ใส่ตัวฉัน
ตุ้บ! ผู้ชายฝั่งนั้นตบบอลใส่ฉันอย่างแรงอีกแล้ว สายตาของคู่แข่งที่มองข้ามตาข่ายมาหาฉันก็ดูโหดร้ายไม่ใช่เล่น ฉันรู้แล้วว่าที่พวกเขาเล่นงานฉันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะพวกเขาคิดจะทำให้ฉันเปลี้ยถอนตัวออกจากการแข่งขัน 
 “ทำไมพวกมันเล่นแรงแบบนี้” ฉันบ่นกับแซคเสียงดัง
“เพราะเธอสวยนะสิ ผู้ชายมันถึงอยากอัดบอลใส่ ส่วนผู้หญิงของมันก็หมั่นไส้เธอไง” แซคกัดฟัน
“ผิดกติกาหรือเปล่า ทำไมกรรมการไม่เห็นว่าอะไรเลย” ฉันมองกรรมการ
“ดูเหมือนจะไม่” แซคตอบ
“หา...!?
“มันไม่เคยมีกฎห้าม แต่ปีก่อนๆ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้”
“ถ้างั้น...? ”
แซคดูเคร่งเครียด เขาไม่มีคำตอบให้ฉัน
กองเชียร์วันนี้ก็ไม่ใช่กองเชียร์จากเมื่อวาน กลุ่มที่กรีดร้องและให้กำลังใจอย่างน่ารักถูกผลักไปข้างหลังไกลๆ แล้วแทนที่ด้วยพวกผู้ชายที่ดื่มเบียร์และส่งเสียงเอะอะอย่างป่าเถื่อน และทุกครั้งที่ฉันล้มพวกเขาก็ยิ้มเหมือนหมาป่า
แซคเองก็ดูหนักใจ เขาหาทางช่วยและปกป้องฉัน เขาพยายามรับบอลแทนฉันให้บ่อยครั้งที่สุด
“โอเคหรือเปล่าวิคกี้” แซคดึงมือฉันให้ลุกจากพื้นทรายหลังจากรับลูกตบหนักหน่วงแล้วล้มไปอีกรอบ “เลิกห่วงเรื่องรับบอลดีกว่า ลูกไหนแรงๆ เธอหลบไปเลยนะ ไม่ต้องรับ”
“ได้ไงล่ะ เราก็เสียคะแนนสิ”
“มันไม่คุ้มหรอกถ้าเธอต้องเจ็บตัวน่ะ ยอมเสียคะแนนบ้างก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ได้หรอก ฉันไม่ยอมแพ้แน่ !
ฉันสู้ขาดใจ ถึงทุกครั้งที่บอลกระแทกตัวจะรุนแรงแค่ไหน แต่คนที่ดูเจ็บกว่ากลับกลายเป็นแซคไปเสียได้ ทุกครั้งที่เขามองฉัน...สายตาของเขาสั่นไหวราวกับเจ็บปวด แต่ฉันกลับทำเป็นไม่เห็นและไม่ใส่ใจ
ปึ้ก! แซคตบบอลใส่ฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จแล้ว!  และคราวนี้ฉันถึงกับอ้าปากค้าง ผู้ชายฝั่งตรงข้ามรับบอลแซคแล้วล้มหงายขาชี้ฟ้า เมื่อครู่บอลถูกตบเข้าใส่หน้าของเขาอย่างจัง
แหมะ...แหมะ....
แล้วเลือดกำเดาก็ย้อยจากจมูกลงมา!
 “กรี๊ด ฮันนี่....” ผู้หญิงโหดของฝ่ายนั้นร้องลั่นและโผเข้ากอดคู่รักเลือดย้อยของเธอ
สาวงามฝ่ายตรงข้ามกรีดร้องแทบคลั่ง แต่ห้ามเลือดอย่างไรก็ดูเหมือนเลือดฝ่ายนั้นจะไม่หยุดง่ายๆ ในที่สุด หลังจากนับหนึ่งถึงสามสิบ กรรมการก็เป่านกหวีดให้เราชนะผ่าน
ปี๊ด...!!
“เราชนะแล้วแซค วู้ว!” ฉันกระโดดกอดแซคอย่างดีใจสุดขีด “นายเก่งมาก เก่งที่สุดเลย!
ทว่าแซคกลับเงียบนิ่งและมองฉันด้วยดวงตาสีคาราเมลหล่อเหลาที่ทำให้ฉันรู้สึกบีบที่หัวใจ
“มีอะไรเหรอ...?”
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้มองฉันแบบนั้น…?
“แซค...?”

ฉันรู้สึกว่าร่างเบาหวิวราวกับล่องลอย ฉันคงจะหมดสติไป จำไม่ได้สักนิดว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าเวลานี้ฉันตื่นขึ้นเพราะมีสเปรย์เย็นๆ มาฉีดตามร่างกาย และมีมืออุ่นจัดมานวดและบีบแขนและขาให้ แล้วเสียงบ่นของแซคก็ลอยแว่วเข้ามาในหูของฉัน
“ตื่นจนได้นะ ฉันกลัวเธอตายคาชายหาดจริงๆ เลย”
เมื่อมองไปรอบๆ ฉันถึงเห็นว่าที่นี่คือห้องนอนของแซค และร่างของฉันยังอยู่ในชุดบิกินี่แข่ง ทรายยังติดอยู่เต็มตัว ทำให้ฉันรู้ว่าทันทีที่แข่งชนะฉันคงผล็อยหลับไป
“ฉันเพิ่งรู้นะว่าเธอเป็นพวกไม่ตายก็ไม่ยอมแพ้ บ้าชะมัด ฉันไม่น่าชวนเธอมาแข่งเลยวิคกี้”
“อย่าพูดแบบนั้นน่า แล้วก็เลิกทำหน้าสงสารฉันแบบนั้นด้วย นายกำลังดูถูกฉันนะ”
“ไม่ได้ดูถูก ก็แค่เป็นห่วงเพื่อน ไม่ได้หรือไง” เขาชักสีหน้าบึ้งตึง
“เอาขามา” เขาออกเสียงราวกับสั่งก่อนจะคว้าท่อนขาของฉันขึ้นไปวางบนบ่าของเขา ก่อนจะเริ่มนวดจากปลายเท้ามาที่ต้นขาของฉัน แรงบีบจากของมือของแซคทำให้ฉันหายใจขาดห้วงไปชั่วขณะ ทว่าก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้วางเท้าไว้สูงแบบนี้ทำให้ฉันคลายเมื่อยได้เป็นอย่างดี
“อือ...” ฉันครางแล้วหลับตาลงอีกครั้ง บางทีฉันอาจจะผล็อยหลับไปอีกรอบก็ได้ “นายนี่น่ารักชะมัด รู้ตัวไหม”
“ถ้าอยากรักก็รักได้นะ”
ฉันลืมตาทันที “ว่าอะไรนะ? ”
“เปล่า”
แล้วฉันกับแซคไม่ได้พูดอะไรอีก มือของแซคที่นวดฉันมอบความรู้สึกทั้งอุ่นและสบาย ฉันไม่รู้สึกลำบากใจเลยที่จะหลับตา และหลับไปตรงหน้าของเขาอีกครั้ง
“รักนาย...งั้นเหรอ?? “ ฉันพึมพำ “ก็นายเป็นเพื่อนฉัน ฉันก็ต้องรักนายอยู่แล้วนี่”
เขานิ่งงัน
“รักแบบเพื่อนนะ...”
เราจะขีดเส้นมันไว้ที่ตรงนั้น...
“เพื่อนรักของฉัน แซค”

วันต่อมา
“อะไรนะวิค!? นี่จะแข่งต่ออีกเหรอ?!” แซคโวยวายลั่นเมื่อหิ้วปีกฉันออกจากสนามหลังจากชนะมาอีกครั้ง
“แข่งสิ” ฉันตอบง่ายๆ “นายตบบอลเก่งจนชนะขาดลอยแบบนี้ไม่แข่งต่อได้ไง”
“ขาดลอยที่ไหน พวกมันเล่นเสียเธอเกือบแย่ ที่ฉันช่วยตบบอลจนมันเลือดกลบปากนี่ก็เพื่อให้เราออกมาได้เร็วขึ้นต่างหาก ถ้าแข่งต่อเธอก็เตรียมตัวตายได้เลย เพราะเรามีเวลาพักก่อนแข่งอีกรอบแค่สามชั่วโมงเท่านั้น”
“สะ...สามชั่วโมง?!” ฉันร้องผวา “ทำไมให้พักสั้นจังล่ะ? ”
 “เพราะงั้นเข้าใจแล้วนะยัยดื้อ กลับบ้านกันได้แล้ว” แซคลากมือฉัน แต่ฉันไม่เดินตามแถมยังขอแกมสั่ง
“ไปเอากระทิงแดงมา”
“หา...!? ” ใบหน้าหล่อเหลาของแซคเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด “วิค...เธอ...!?”
“ช่วยทีนะ”
แน่นอนว่าเขาไม่เคยรู้สึกผิดคาดขนาดนี้ถึงยังนิ่งค้าง
“แต่ขอโทษนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ยังอยากจะชนะ ขอ 5 ขวดเลยนะแซค”
“วิคกี้! ”

ฉันรู้ดีว่าตัวเองทั้งดื้อและไม่ฟังเสียงทัดทานของใคร ฉันหวังว่าตราบใดที่ฉันยังยืนอยู่ได้ แซคจะต้องทำให้พวกเราชนะเหมือนรอบที่ผ่านมา เพราะฉันมั่นใจในเพื่อนคนเก่งของฉัน
แดดร้อนมากราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างบนหาดทราย ไหล่ของฉันถูกแดดเขาจนแสบราวกับถูกนาบด้วยเหล็กเผาไฟ ตาของฉันก็พร่าไปหมด ตั้งแต่ฉันร้องขอกระทิงแดงแซคก็งอนไปเลย แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมพูดกับฉัน
ตุ้บ! ตั้บ! ปึ้ก! ปั้ก! การแข่งขันในรอบที่ลึกขึ้นเป็นไปอย่างดุเดือด และฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ใจดีขึ้นสักนิด ตรงกันข้าม พวกเขาโหดเหี้ยมกว่าคู่แข่งรอบก่อนเสียอีก
คะแนนบนสกอร์บอร์ดอยู่ที่ 13-13
 ผัวะ!! ลูกวอลเลย์แรงเหมือนกระสุนพุ่งเข้ามาหาฉันอีกครั้ง และก็เหมือนทุกคราวที่แซครีบพุ่งเข้ามารับแทน แต่เขาก็ปกป้องฉันไม่ได้ทุกครั้งไป
ตุ้บ และทุกครั้งที่ฉันล้ม พวกผู้ชายที่ดูอยู่ขอบสนามก็จะเป่าปากแซวเสียงดัง
“วิคกี้! วิคกี้!” แซคตรงเข้ามาประคองฉันด้วยความเป็นห่วงใยราวกับฉันตายเละคาพื้นไปแล้ว เสียงของเขาสั่นไหว และฉันเห็นว่าใบหน้าของเขาดูน่ารักขึ้นอีกหลายเท่า เขาคงเกรงว่าฉันจะหมดสติไป
ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นฉันลืมตาขึ้นได้ ฉันโซเซลุกขึ้นแข่งต่อ
ฉันเป็นคนเสิร์ฟ และถึงจะเจ็บร้าวไปทั้งร่างจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉันก็ยังกระโดดเทคตัวสูงเพื่อเสิร์ฟ
ฉันไม่ไหวแล้ว...แต่อยู่ๆ จะให้เดินออกสนามไปเฉยๆ ได้อย่างไร
ฟึ่บ!
“เอ๊ะ...??” มีบางอย่างมาขวางการเสิร์ฟของฉันไว้
...มีบางอย่างที่คล้ายอ้อมกอดที่แข็งแรง...
“แซค?” รู้ตัวอีกทีลูกเสิร์ฟที่ฉันโยนก็ตกลงมาฟาล์วบนพื้นทราย และแซคกำลังกอดฉันไว้แน่น
“พอได้แล้ว” เขาร้องขอด้วยเสียงสั่นไหวที่ข้างหูของฉัน “ขอร้องล่ะ พอได้แล้ว”
และทันทีที่เขาพูดซ้ำด้วยเสียงที่อ่อนไหวราวกับสายลมเย็นฉันก็หลับตา น้ำตาเล็ดออกมาจากเปลือกตา ฉันเจ็บ...เจ็บจนไม่อยากจะขยับตัวอีกแล้ว
ฉันโอบแขนรอบไหล่ของแซค ยอมให้เขาช้อนร่างขึ้นจนลอยแล้วพาเดินออกนอกสนามไป คนดูเป่าปากกันเกรียวแต่ก็ให้เกียรติด้วยการเปิดทางจนโล่งให้ ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของของสาวๆ ดังสนั่นหวั่นไหว แต่ก็ไม่ดังไปกว่าเสียงหัวใจของแซคที่เต้นอยู่ชิดหูฉัน
สำหรับผู้หญิงที่รักเขา หัวใจของเขาคงจะเต้นอย่างหนักแน่นและมั่นคงเพื่อเธอ เขาจะปกป้องเธอคนนั้น เพราะเขาเป็นผู้ชายที่วิเศษเหลือเกิน
แต่ถึงตอนนี้ที่เขาน่ารักขนาดนี้...เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายสไตล์ของฉัน แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากของฉัน
ฉันหลับตาลงในอ้อมแขนของแซค ...ราวกับโลกทั้งโลกที่ทับร่างอยู่ถูกยกออกไป นั่นก็เพราะฉันเพิ่งจะรู้ว่าแรงทั้งหมดของฉันหมดไปแล้วตั้งแต่สองสามแต้มก่อนหน้านั้น และถ้าแซคไม่มาห้ามฉันไว้ ฉันก็คงยังไม่รู้ว่าฉันเหนื่อยแล้วก็เจ็บแค่ไหน...
“ขอบใจนะแซค”





Sweet Maple Rhapsody (Original)
Daydream
www.mebmarket.com
...แล้วมันก็เริ่มขึ้น... ริมฝีปากของนิค...งดงามและอุ่นจัด...เคลื่อนมาทาบทับริมฝีปากของฉัน...ฉันได้ยินเสียงหายใจลึกของเขา...ราวกับจะผนึกสัมผัสที่เขาได้จูบฉันไว้ให้นานแสนนาน หลายวินาทีผ่านไปเขาก็ถอนริมฝีปากออกอย่างเนิบช้าเพื่อที่จะจ้องตาฉันในระยะใกล้ขนาดปลายจมูกแตะกัน เขาไม่ได้แค่บอกรักฉันด้วยบทเพลง แต่ด้วยความเงียบและการรอคอยด้วย เวลานี้นิคกำลังอ่านและค้นลึกลงไปในหัวใจของฉัน ...ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะมั่นใจที่จะเคลื่อนมาสัมผัสกับริมฝีปากของฉันอีกครั้ง...และครั้งนี้อย่างแน่ใจและลังเลน้อยกว่าเดิม นิคจูบฉัน...จูบอย่างทะนุถนอมราวกับจูบของเจ้าชายที่ได้เลือกซินเดอเรลลาเป็นคนรัก ...และราวกับมันเป็นแค่การสัมผัสกันของกลีบดอกไม้...ฉันกำลังจูบกับนิกิต้างั้นเหรอ...? รู้สึกเหมือนมันเป็นแค่ความฝัน...และเสียงนุ่มแผ่วของเขาที่กำลังเอ่ยขอกับฉันก็เป็นเพียงแค่…...ความฝัน...?“ฉันชอบเธอ คบกับฉันนะ”




Maple Rhapsody เพลงรักใบเมเปิ้ล
Daydream
www.mebmarket.com
คำเตือน!! ฉากแสดงความรักในเรื่องนี้ร้อนแรงกว่าใน Sweet Maple Rhapsody (Original) อาจทำอันตรายแก่เส้นเลือดในจมูกของท่านและทำให้เลือดกำเดาออกได้ ผู้อ่านต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป“สวยจัง” ฉันพึมพำ เหม่อมองกลีบสีน้ำเงินเข้มลึกล้ำที่แสนน่าหลงใหล บางสิ่งในวังวนที่ลึกลงไปในดอกไอริสทำให้ฉันคิดถึงแคเมรอน “สวยเหมือนทุกอย่างที่นี่ งดงามจนน่าประหลาดใจ...” ฉันจ้องมองแคมม์ “และเหมือนนาย...”แคมม์นิ่งมองฉันยาวนาน ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เกินไปเมื่อฉันเอ่ยขอ “หลับตาสิ...”แล้วเขาหลับตาลงตามคำขอของฉัน ก่อนที่ฉันจะเขย่งเท้าขึ้นจนใบหน้าเกือบจะเคลื่อนสูงขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกันกับเขา ฉันยิ้มบางก่อนจะกระซิบออกไป “แคเมรอน ฉันรักนาย...”แคมม์นิ่งไป ร่างสูงคล้ายหยุดหายใจเมื่อฉันเคลื่อนก้านดอกไอริสสูงขึ้นไป ให้ปลายกลีบนุ่มบางแตะแผ่วลงบนแก้มของเขาราวกับจุมพิตที่น่าหลงใหล...“เมื่อกี้...แทนจูบของฉันนะ...”......เจ้าชายนิทรา...ฉันละสายตาจากร่างที่ราวกับรูปปั้นสีขาวไร้ที่ติในแสงแดดอุ่นของยามบ่าย รีบเดินด้วยปลายเท้าไปที่กระเป๋าและหยิบเกมออกมา แล้วฉันก็รีบเดินกลับไปที่ประตู หยุดนิ่งอีกครั้งเมื่อผ่านแคมม์ ร่างนั้นกำลังขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้าตามจังหวะหายใจลึกยาวที่แสดงว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท เขาหนุนหัวของตัวเองไว้บนแขนข้างหนึ่ง มือข้างซ้ายที่วางราบอยู่บนตัวมีผ้าพันแผลมัดไว้ และผ้าสีขาวนั้นปรากฏเลือดสีแดงซึมออกมาจางๆ เลือดที่ซึมอยู่ไม่ใช่ตำหนิ แต่ทำให้เขาดูแข็งแกร่งและงดงามขึ้นจนยากจะละสายตาไปได้ รู้ตัวอีกทีฉันก็โน้มตัวลงไปใกล้ๆ แคเมรอนแล้ว...ไม่ว่าจะเพราะอะไร รู้สึกราวกับตัวเองคือเจ้าชาย และแคเมรอนคือเจ้าหญิงนิทราแล้วฉันจูบแคเมรอน กดริมฝีปากอย่างแผ่วเบาลงบนริมฝีปากสีแดงเรื่อของเขา ความทรงจำเก่าๆ ที่งดงามราวกับภาพวาดในแสงแดดย้อนกลับมา แล้วเวลาที่เปราะบางนั้นก็ราวกับถูกขึงหยุดเอาไว้



Vampire and I : รักนายแวมไพร์ของฉัน
Daydream
www.mebmarket.com
...ใครจะรู้ล่ะว่าโลกของแวมไพร์เป็นยังไง...?…แวมไพร์ เลือด ความงดงาม ชีวิตอมตะ เรื่องพวกนั้นน่ะเป็นตำนานและคำบอกเล่าเกี่ยวกับแวมไพร์ที่พวกเราได้ยินมานานแล้ว แต่มีฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักแวมไพร์อย่างแท้จริง เพราะเขาอยู่ต่อหน้าฉันนี่ไงล่ะ ชินจิ นักเรียนชายหล่อเหลาผู้เป็นที่หลงใหลของนักเรียนหญิงทั้งมัธยมคนนั้น เขาได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมของฉันและกลายเป็นนักเรียนใหม่ในความดูแลของหัวหน้าห้องอย่างฉัน ไม่ว่าฉันจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่เหนืออื่นใด ชินจิหลงรักเลือดของฉัน ทั้งรสชาติ สี กลิ่น อุณหภูมิของมัน และทุกอย่าง ชินจิแวมไพร์ผู้หล่อเหลาราวกับเจ้าชายแห่งความมืดได้เลือกฉัน และเมื่อเขายื่นข้อเสนอที่งดงาม...ข้อเสนอที่จะมอบชีวิตอันเป็นนิรันดร์เคียงข้างเขาตลอดไปให้กับฉัน ฉันจะทำยังไงดีนะ…แล้วชินจิก็ฝังเขี้ยวลงมาที่ต้นคอของฉัน ร่างของฉันกระตุกวูบ ฉันเจ็บ เขากำลังดื่มเลือดของฉัน แต่ครั้งนี้แปลกเหลือเกิน คมเขี้ยวของชินจิมอบความเจ็บยิ่งกว่าทุกครั้งและลึกล้ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ คงเพราะเขากำลังจะเปลี่ยนฉันให้เป็นแวมไพร์ มืดเหลือเกิน ราวกับแสงต่างๆ กำลังดับวูบไป ชินจิเคยบอกว่าโลกที่มนุษย์เห็นนั้นต่างจากจากโลกที่แวมไพร์เห็น มันมืดและหนาวเหน็บกว่าใช่ไหม ?…



Vampire and I : ซากุระในสายฝน
Daydream
www.mebmarket.com
ยินดีต้อนรับสู่ความมืดที่แสนงดงามและน่าหลงใหล กับนิยายแฟนตาซีรักแนวดาร์คและโรแมนติกที่จะทำให้คุณหลงใหลแวมไพร์…ตลอดไป......“นานะมองลำคอของไซโตะที่สะท้อนแสงหม่นจากหน้าต่าง...ร่างนั้นที่หล่อเหลาจนกลายเป็นความงดงามกำลังหลับใหล......ได้กลิ่นกายของไซโตะ เธอเคลื่อนใบหน้าใกล้เข้าไป…แต่แล้วเธอชะงัก ข่มตาหลับ ก่อนจะผละจากเขาและลุกกลับไปที่เตียงในความมืดและเงียบหลังจากเธอเดินกลับไป ไซโตะลืมตาขึ้น เมื่อครู่นานะมาที่นี่ เขารู้เพียงเมื่อครู่...เธออยู่ใกล้ๆ เขานี่เอง...” หากคุณชอบความมืด ความงดงาม และความลี้ลับ นิยายเล่มนี้คือนิยายสำหรับท่าน“ไซโตะลากตัวนานะกลับมาที่ห้องแล้ว เขาล็อคประตูทันที“ฉันยังออกล่าไม่เสร็จเลยนะ” เธอบอกอย่างเสียอารมณ์ “เปิดให้ฉันออกไป ฉันไม่ฆ่าใครเหมือนแวมไพร์ใจร้ายตัวอื่นหรอกน่ะ”แต่ไซโตะคว้ามือของนานะที่กำลูกบิดประตูและกำลังจะแก้ล็อคออก ก่อนจะดึงมือนั้น ทำให้ทั้งตัวนานะลอยเข้าไปชนกับร่างของเขา“ไซโตะ ?” ร่างสูงรั้งมือของนานะแน่น อีกมือรั้งท้ายทอยใต้เส้นผมดำยาวเข้าไปที่ลำคอของเขาเอง “ดื่มเลือดฉันสิ”“!!?? นาย...”“ดื่มเลือดฉัน” ...ตึกตัก...นานะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะออกไปจากเดิม ไซโตะอยู่ใกล้เกินไป “ฉันไม่แคร์ว่าเธอรู้สึกยังไงกับฉัน ที่ฉันต้องการก็คือฉันไม่อยากให้เธอดื่มเลือดใครอีก” นิ้วเรียวยาวของไซโตะรั้งปกเสื้อของตัวเองลง “ดื่มเลือดของฉันคนเดียวเท่านั้น”