แต่ถึงนานะจะทำตัวเป็นกันเองมากขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้ดูลึกลับน้อยลง
เธอยังคงมีหลายมุมที่ไซโตะไม่เข้าใจ
และหลายครั้งที่เธอนึกว่าเขาไม่ใส่ใจหรือไม่เห็น เขาจะพบว่าดวงตาเหมือนกลางคืนที่ลึกลับและห่างไกลสำหรับเขานั้นเหม่อลอยและมองออกไปนอกหน้าต่างอีก
กลางวันนานะง่วง และบางครั้งเธอไม่นอนตอนกลางคืน
หลายคืนมาแล้วที่นานะออกไปนอกห้องตอนดึกและกลับมาตอนใกล้รุ่งเช้า แน่นอนว่าไซโตะไม่ได้ถามอะไร
จนคืนหนึ่งที่นานะลุกขึ้นอีกแล้วเปิดประตูออกไปนอกห้องเงียบๆ ไซโตะถึงได้ลืมตาและลุกขึ้นนั่ง
เธอไปแล้ว และอีกสองชั่วโมงกว่าจะกลับมา
“ไปไหนมา”
“นอนไม่หลับ อย่าใส่ใจเลยนะ” เธอชอบพูดแบบนั้น แล้วการพูดคุยก็จบลงสั้นๆ
ทุกที
ถึงนานะจะยิ้มหรือแกล้งเขาบ้างแต่มันก็เหมือนเธอฝืนทำ เพราะในเวลาที่เธอไม่ควบคุมตัวเอง
เธอก็คล้ายถูกครอบงำด้วยความเหงาและเศร้าที่เขาอธิบายไม่ได้
“ฉันทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นคนอายุเท่าฉันไม่ไปเรียน” ไซโตะบอกเธอหลังกลับมาจากวิทยาลัยตอนเย็น
เขาหมายถึงนานะ “ฉันคงต้องอ่านตำราให้เธอฟังบ้าง”
“ได้สิ”
แล้วไซโตะก็ทำแบบนั้น เขาอ่านหนังสือเรียนหลายวิชาให้เธอฟังหรือไม่ก็โยนมันให้เธออ่าน
“นายเป็นประธานนักศึกษาเหรอ” เธอถาม
“อืม”
“แล้วก็เป็นขวัญใจรุ่นน้องด้วย ?”
คำถามของนานะทำให้เขาหันมา
“พวกนั้นตั้งแฟนคลับและทำปฏิทินรุ่นเป็นรูปนาย”
“เธอค้นโต๊ะฉัน” ไซโตะปิดหนังสือตรงหน้า ใบหน้าคมคาย ดวงตาที่ดุดันแฝงความเย็นชา
แต่ก็ดูอ่อนโยนเมื่อเขามองเธอนานกว่าสามวินาที เขาดูไร้ที่ติเหมือนชายที่เดินออกมาจากความฝัน
และเธอรู้ดีว่าการเป็นขวัญใจผู้หญิงของเขาไม่ใช่ความบังเอิญ
“โทษที นิสัยผู้หญิงน่ะ มันอดไม่ได้”
“ไม่เคยมีผู้หญิงเข้ามาในห้องนี้มาก่อน”
“แน่ล่ะ ถ้ามีนายคงไม่ได้เป็นประธานรุ่นแน่ เผลอๆ อาจจะโดนปลดเร็วๆ
นี้”
ปึก ไซโตะเอาสันหนังสือเคาะหัวเธอ เขาทำอย่างเบามือ
“ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาฉันก็แค่จดทะเบียนกับเธอ”
“หา ?”
“ก็แค่เซ็นชื่อ ฉันไม่คิดมากหรอก บางทีความรักอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงก็ได้”
“พูดบ้าๆ” นานะนิ่งไป ก้มมองมือตัวเองที่กำแน่น “นายพูดเหมือนคนไม่มีหัวใจ”
“แต่เธอเย็นชากว่าฉันอีก นานะ” สายตาคมปลาบมองนิ่งที่เธอ
ทำให้เธอนิ่งไป แล้วไซโตะก็เล่าเรื่องของเขาให้เธอฟัง
“ฉันเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายในทริปเรือยอร์ชตั้งแต่ฉันยังเด็ก
พี่ชายของพ่อเลี้ยงฉันมา ท่านอยู่ต่างประเทศเกือบตลอดก็เลยซื้อห้องนี้ไว้ให้ฉัน”
ไซโตะอยู่คนเดียวมานานแล้ว เขาอยู่กับความเงียบมานาน
“เราเหมือนกันเลย ตัวคนเดียว” นานะบอก
“แต่ตอนนี้ไม่ตัวคนเดียวแล้ว ใช่รึเปล่านะ” เขาพึมพำ
“และถ้าเรารู้สึกเหมือนกัน ไม่ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร ก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ล่ะ”
นานะนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็ตอบออกไป
“ได้สิ”
นานะคงนึกว่าไซโตะโง่ เธอถึงออกไปกลางดึกโดยที่ไม่รู้ว่าเขาสังเกตอยู่แบบนั้น
จริงอยู่เขากับเธอดับไฟและเข้านอนกันคนละมุมแล้ว เธอนอนบนเตียง เขานอนบนโซฟา แต่คืนนี้เมื่อเธอออกไปนอกห้องเขาก็แอบตามเธอไป
นานะที่ดูสวยโดดเด่นเกินไปเพราะชุดที่เขาซื้อให้เดินเข้าไปในบาร์แห่งหนึ่ง
มีผู้ชายหลายคนมองเธอ ในที่สุดคนหนึ่งก็นั่งลงที่โต๊ะของเธอ ผู้ชายคนนั้นเล่นกับเส้นผมของเธอและโอบเอวเธอ
บ้าชะมัด ไซโตะยืนพิงผนังในความมืดและหลับตา
นานะออกมาทำเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ ?
ไม่นานนานะกับผู้ชายคนนั้นก็เดินออกไปที่มุมมืดหลังบาร์
เอวเล็กๆของนานะอยู่ในแขนของหมอนั่นตอนที่เธอขยับร่างเข้าไปและโน้มท้ายทอยของเขาลงมา
ไซโตะกำหมัดแน่นอยู่ในเงามืด เตรียมจะจากไป
ผิดหวังอย่างแรงที่มาที่นี่และเห็นนานะทำแบบนี้
ฉึก !
เขายั้งฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงกัด คมเขี้ยวของนานะฝังลงบนร่างชายคนนั้น
เธอดื่มเลือดของเขาจนร่างที่เมื่อครู่กระตุกเกร็งกลายเป็นนิ่งไร้ชีวิต
“นานะ”
เธอปล่อยร่างชายตรงหน้าทรุดลงกับพื้น
มองมาที่ไซโตะซึ่งยืนตัวแข็งอยู่ข้างๆ “เธอเป็นแวมไพร์ !? เธอฆ่าคน !?”
ดวงตาสีดำของเธอวูบไหวรุนแรงแล้วกลายเป็นแข็งนิ่ง
ก่อนจะเปล่งประกายแวววาวราวกับเลือดเมื่อเธอรุกมาประชิดร่างไซโตะและบีบคอเขาไว้
กึง ! เธอผลักดันร่างไซโตะเข้าปะทะกำแพงอย่างแรง “และฉันก็ฆ่านายได้เหมือนกัน”
นานะแยกเขี้ยว มือเล็กบีบคอไซโตะแรงขึ้น “ฉันเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย
และตอนนี้นายก็รู้แล้ว”
แล้วเธอปล่อยมือจากคอของไซโตะก่อนจะเดินหายไปในความมืด
หลังจากนั้นไซโตะก็ไม่เจอนานะอีกเลย
ไซโตะกลับมาถึงห้องพักที่ว่างเปล่า วันนี้เป็นวันที่สามวันแล้วที่นานะจากไป
นกพิราบสามสี่ตัวยังมารออาหารจากเธอ ทำให้เขาต้องเป็นคนเลี้ยงพวกมันแทน
สี่ห้าวันผ่านไป แล้วนกพิราบก็มาที่ระเบียงของเขามากขึ้น
เช้าอีกวันนกพิราบก็ยังคงมารอนานะ โง่จริงๆ เธอไม่อยู่แล้ว และอาหารที่เธอซื้อไว้ให้พวกมันก็หมดได้สองวันแล้ว
แต่เมื่อแดดเช้าของวันใหม่อีกวันมาถึงไซโตะกลับเห็นว่าพวกนกกำลังกินอาหารบนพื้นระเบียง
นานะมาที่นี่ ? แต่กลัวที่จะเจอเขา
?
เขาเขียนโน้ตแผ่นเล็กๆ แล้วผูกเข้ากับเท้านกพิราบสีขาวตัวที่อ้วนที่สุด
วางมันลงให้กินเมล็ดข้าวต่อแล้วออกจากห้องไปวิทยาลัย
“ฉันไม่กลัวผีหรอก” นานะอ่านโน้ตลายมือสวยของไซโตะบนระเบียง นกพิราบเดินไปเดินมาจิกกินอาหารอยู่รอบๆ
ตัวเธอ
“คิก” เธอฝืนหัวเราะ เช็ดน้ำตาหยดเล็กจากหางตา “สมเป็นประธานรุ่น”
ถึงจะได้โน้ตแล้วนานะก็ไม่ได้กลับมาหาไซโตะอยู่ดี
ถึงเขาจะรู้ว่าเธอแอบมาที่นี่อยู่บ้างก็ตาม จนวันหนึ่งเขาเห็นโน๊ตที่ขานกพิราบตัวหนึ่ง
ดูเหมือนนานะกำลังจะเตรียมส่งโน้ตนั้นให้ใครบางคน
เขาแกะโน้ตจากขานกแล้วเปิดอ่าน
“มามิ พี่คิดถึงเธอนะ อย่าลืมถอดเสื้อนอกออกสลัดแรงๆ ก่อนเข้าบ้านด้วย
เธอแพ้ง่าย ฤดูนี้อาจจะทำให้เธอเป็นไข้ละอองฟาง” ข้อความบนกระดาษโน๊ตเขียนไว้อย่างนั้น
ไซโตะนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะผูกโน้ตเข้ากับขานกพิราบตามเดิมแล้วปล่อยมันบินออกไป
แล้วเขาก็ออกติดตามปลายปีกสีขาวนั้นที่บินไปบนท้องฟ้าสว่าง
ภายในวิหารที่มีเสียงสวดภาวนาอื้ออึง นักบวชหนุ่มคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นจากการภาวนา
เขามีเส้นผมสีดำสนิทเหมือนกลางคืนที่ยาวนานของฤดูหนาว และดวงตาสีเทาเข้มอมฟ้าหม่นราวกับเวลาใกล้เช้าของคืนเดียวกันนั้น
ความหล่อเหลาและสง่างามของเขามีมากเกินกว่าคนทั่วไป
แล้วเขาเห็นปีกนกพิราบขาวขยับผ่านกรอบหน้าต่าง ดวงตาคมสวยเหมือนวาดโดยจิตรกรจึงวูบไหวก่อนจะพึมพำออกมา
รีดเดอร์สามารถคลิ๊กที่นี่เพื่ออ่าน E-Book ได้ค่ะ ^^
รีดเดอร์ที่สนใจ “Vampire and I : ซากุระในสายฝน” ฉบับพ็อคเก็ตบุ๊คสามารถโอนเงินค่าหนังสือ 179 บาทพร้อมค่าจัดส่งทั่วประเทศ 30 บาทรวม 209 บาทมาได้ที่บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาบิ๊กซีหางดง 2 เลขที่บัญชี 406-387614-3 เอื้องอลิน จึงสกุลรุจิเรข แล้วส่งหลักฐานการโอนพร้อมชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งมาที่อินบ๊อกซ์ www.facebook.com/daydreamfiction หรือ Line id: Ung-alin ขอบคุณค่ะ ^^
รีดเดอร์ที่สนใจ “Vampire and I : ซากุระในสายฝน” ฉบับพ็อคเก็ตบุ๊คสามารถโอนเงินค่าหนังสือ 179 บาทพร้อมค่าจัดส่งทั่วประเทศ 30 บาทรวม 209 บาทมาได้ที่บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาบิ๊กซีหางดง 2 เลขที่บัญชี 406-387614-3 เอื้องอลิน จึงสกุลรุจิเรข แล้วส่งหลักฐานการโอนพร้อมชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งมาที่อินบ๊อกซ์ www.facebook.com/daydreamfiction หรือ Line id: Ung-alin ขอบคุณค่ะ ^^