เซธ? ”
ฉันหาเซธเจอที่ความมืดริมสระน้ำนอกบ้าน
ร่างสูงของเขายืนพิงกรอบหน้าต่างอยู่คนเดียว
ดวงตาคู่สวยทอดมองผิวน้ำสีเขียวอมฟ้าของสระที่ส่องไฟเรืองรองจากข้างใต้
และร่างที่ยืนนิ่งอยู่นั้นดูเหงา
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ” ฉันถามออกไป
ใบหน้าคมเข้มของเซธหันกลับมาตามเสียงเรียกของฉัน
ทว่าเสี้ยวหน้าที่หล่อเหลาคมคายยังจมอยู่ในความมืด
ล้อมกรอบด้วยแสงสีอเทอร์ควอยส์จากสระน้ำด้านหลัง
ควันสีขาวเส้นจางเริงระบำขึ้นจากปลายนิ้วของเขาที่แนบอยู่ข้างลำตัว
“สูบบุหรี่อยู่เหรอ? “ ฉันนิ่วหน้า
“บ้าจัง อุตสาห์เป็นห่วงนึกว่าเป็นอะไร”
ฉันริบบุหรี่จากมือของเขา “สูบบุหรี่ไม่ดีกับร่างกายนะเซธ
เซธมองฉันนิ่งเหมือนตั้งแต่เกิดเพิ่งจะมีฉันเตือนเรื่องสูบบุหรี่กับเขาเป็นคนแรก
ก่อนที่มือเรียวยาวจะฉวยบุหรี่จากมือของฉันกลับไปสูบต่อ “ฉันสูบไม่มากหรอก”
“นายสูบวันละกี่มวน?”
“เจ็ด”
“นั่นเรียกว่ามากนะ“ ฉันเดือดร้อนแทน
แต่เขานิ่งไปเหมือนดื้อเงียบจนทำให้ฉันอึดอัด “ฉันเป็นเพื่อนนาย
ฉันเตือนนายได้ใช่ไหม? ”
เขาเงียบอีก
ฉันถามต่อ
รู้แก่ใจว่าตัวเองบางคั้งก็เป็นจอมบงการเกินไป
“หรือมีแต่พ่อแม่ที่เตือนนายได้? ”
คำพูดของฉันทำให้เซธนิ่งไป
แววตาหมองหม่นก่อนจะเบือนหน้า
“ฉันไม่มีพ่อแม่ พวกนั้นทะเลาะแยกทางกันไปหมดแล้ว”
ฉันอยากตายขึ้นมา
ฉันจี้แผลในใจเขาเข้าแล้วทั้งที่ไม่ได้เจตนา “ฉันขอโทษ เซธ ฉันไม่รู้มาก่อน
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ...”
“ช่างเหอะ”
“เสียใจด้วยนะเซธ
ถ้างั้นนายโตมากับ...”
“ลุงที่เป็นอัยการในเมืองนี้เป็นคนเลี้ยงฉันมา”
“อัยการของเมือง...?
ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นคุณเคนเน็ธ
รัชที่ฉันเห็นคอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษในหนังสือพิมพ์อาทิตย์ก่อนสินะ
เขาเป็นอัยการที่คนในเมืองนี้ยกย่องกันมาก ไม่นึกเลยว่าจะเป็นลุงของนาย” ฉันตื่นเต้นขึ้นมา
“อยู่บ้านอัยการนี่เท่จังนะ แล้วนายมีความสุขดีหรือเปล่า? ”
“ก็ไม่ถึงกับตาย
ชีวิตครอบครัวของฉันไม่ค่อยน่าสนใจหรอก ลุงท่านเป็นคนเข้มงวดและเงียบ
ท่านทะเลาะกับภรรยาบ่อยๆ จนในที่สุดก็หย่ากันเมื่อเร็วๆ นี้
ฉันโตมากับบ้านที่ถ้าไม่ทะเลาะกันจนบ้านเกือบแตกก็เงียบจนวังเวง”
“ว้า...” ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเซธอัดอันธพาลที่มารังแกฉันเสียน่วมได้ขนาดนั้น
“ดูเหมือนนายจะโตมาอย่างยากลำบากเหมือนกัน ดีนะที่นายไม่กลายเป็นเด็กมีปัญหา
นายน่ะเยี่ยมไปเลย”
เซธยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้งก่อนจะลงมือลงข้างลำตัว
ปล่อยดวงตาคมเข้มทอดมองผิวน้ำนิ่ง กลุ่มควันจางลอยขึ้นมาเริงระบำข้างกายอย่างเงียบงัน
สำหรับฉันเซธดูราวกับภาพวาดที่หม่นและเหงา
ทว่าถึงเป็นเช่นนั้นก็คงไม่มีใครกล้ายื่นมือออกไปจับมือที่เดียวดายนั้น
และนั่นก็เพราะหลายครั้งเขาราวกับกั้นกำแพงเอาไว้...และปิดกั้นตัวเองจากคนทั่วไป
อยู่ๆ ฉันก็ฉวยบุหรี่ในมือเขามาสูบเสียเอง
“เฮ้ เธอทำอะไรน่ะ?! ”
“อุ๊บ แค่กๆๆ! ” ฉันสำลักควันระลอกใหญ่
“วิค! ”
“โอ๊ย แสบไปทั้งหน้าแล้ว แสบๆๆ”
เซธตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ฉันก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ฉันไม่เคยสำลักควันรุนแรงแบบนี้ และหากจะพูดตรงๆ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันสูบบุหรี่
“เป็นผู้หญิงสูบบุหรี่ได้ไง”
เซธตำหนิ
“ถ้านายสูบ ฉันจะสูบด้วย”
“ไม่เอาน่า อย่าทำอะไรเหลวไหล”
“ฉันเอาจริงนะ
ฉันจะสูบด้วยให้สำลักควันตายไปเลย เพราะฉะนั้นนายเลิกสูบได้แล้ว
ฉันจะไม่ยอมให้นายสูบมันแน่ๆ”
เซธนิ่งอึ้งไป
ดวงตาคมคายมองฉันราวกับไม่เข้าใจ “ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย”
“ก็ฉันเป็นห่วงนาย เป็นห่วงมาก”
เขานิ่งอึ้งอีกครั้ง
นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง
...ราวกับเขาไม่เคยได้ยินคำว่าห่วงใยจากปากของใคร...
“อย่าลืมสิว่าเราเป็นเพื่อนกัน
เพื่อนก็ต้องเป็นห่วงเพื่อนอยู่แล้ว เพราะงั้นนายควรจะฟังฉันบ้าง เข้าใจไหม”
เซธจ้องมองฉันราวกับหมาหรือแมวที่กำลังประเมินว่าควรเชื่อใจมนุษย์ตรงหน้าไหม
ในที่สุดหลังจากหลายวินาทีผ่านไปเขาก็ยิ้มจาง
ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นความสวยงามของยิ้มนั้น และภูมิใจที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมา
แล้วมืออุ่นของเซธเคลื่อนมาขยี้เส้นผมของฉันอย่างแผ่วเบา
เขาไม่โต้แย้งสักคำเมื่อฉันโยนบุรี่ลงกับพื้นและขยี้ด้วยเท้า
ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาเพื่อคว้าบุหรี่ทั้งซองโยนลงไปในถังขยะข้างสระ
เซธเพียงเฝ้ามองดูฉันด้วยรอยยิ้มเลือนจาง
ก่อนจะยอมให้ฉันดุนหลังเข้าไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ ในบ้านแต่โดยดี
ปัง!
แต่ก่อนที่ฉันจะเดินตามเซธเข้าไปในบ้านก็ได้ยินเสียงปิดประตูหน้า
แล้วก็เห็นจากริมสระว่าคามิลล์เดินตัวปลิวออกมานอกบ้าน
ร่างที่ราวกับเจ้าหญิงแสนสวยเดินอย่างเร่งรีบไปตามไดรฟ์เวย์
ตามด้วยร่างสูงสง่างามของแคมม์ที่รีบรุดตามมา
แล้วมือสีขาวจัดของเขาก็คว้ามือของคามิลล์ไว้
ดึงให้เธอราวกับลอยเข้าไปในอ้อมแขนของเจ้าชาย
แล้วแคเมรอนก็จูบเธออย่างอ่อนหวาน
ฉันได้แต่ยืนแข็งทื่อราวกับแอบเห็นภาพต้องห้าม
ทว่าอีกครู่เดียวคามิลล์ก็ผละจากอ้อมแขนของเขา
เร่งฝีเท้าไปตามแสงไฟของรถหรูคันหนึ่งที่ขับเข้ามาจอดรอ เธอก้าวขึ้นรถ
โบกมือลาแคมม์ที่มองตาม
แล้วฉันสังเกตว่าคนขับรถคันนั้นเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง และฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ลีโอเนล” เสียงของแซคที่อยู่ๆ
ก็ดังขึ้นข้างหลังทำให้ฉันสะดุ้ง
นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาเหมือนรู้คำถามในใจของฉันและตอบให้
“ให้ตายสิ แซค! นายอีกแล้ว! ” และฉันเกลียดคนที่ทำเหมือนรู้ทันคนอื่นดีแบบนี้ที่สุด!
เขาหยักยิ้มเท่ใส่ฉันอย่างหยอกล้อ
“อยากรู้ว่าเขาเป็นใครใช่ไหมล่ะ”
“นายจะแสนรู้เรื่องที่ฉันคิดไปทำไหน”
“ทำเป็นพูดดี
ฉันรู้นะว่าเธออยากรู้จนหูตั้งแล้ว”
สุดท้ายเราสองคนก็กลายเป็นหมา
ให้มันได้อย่างนี้สิ
“ใครล่ะลีโอเนล พี่ชายคามิลล์เหรอ”
ฉันแสร้งถามเหมือนไม่อยากรู้เท่าไหร่
“แฟน”
“ว่าไงนะ!? ฟะ...แฟน?
” ฉันอ้าปากค้าง สุดุ้งราวกับโลกกลับตาลปัตรและแลบลิ้นปลิ้นตาใส่หน้า
“หมายความว่าไง!? ”
“ใช่ เรื่องมันบ้าไปแล้ว”
แซคยิ้มร้าย “คืนนี้เธอได้รู้จักกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว คามิลล์
ผู้หญิงหลายใจอย่างไรล่ะ”
“ผู้หญิงหลายใจ!? นางร้าย!?
” ฉันงุนงงเหมือนถูกค้อนทุบ เสียงหาย
กำมือแน่นมองแคมม์ที่ยังยืนส่งคามิลล์อยู่ที่ไดรฟ์เวย์ว่างเปล่าเมื่อรถคันนั้นขับออกไป
“แคมม์...นายกำลังเผชิญอยู่กับอะไร” ฉันพึมพำ
หัวใจบีบแรงอย่างทรมานราวกับตัวเองเป็นคนที่ถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายเสียเอง “ทำไมล่ะ...ทำไม...? ”
“แต่ก่อนคามิลล์ไม่ใช่คนแบบนี้หรอก
แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไป เธอกำลังคิดที่จะมีใครนอกจากแคมม์ บ้าใช่ไหมล่ะ”
“บ้าสิ...บ้าไปแล้ว”
ฉันกำหมัดแน่นกว่าเก่า โมโหแทนแคมม์จนแทบทนไม่ได้! “ถ้าคามิลล์เป็นผู้หญิงแบบนั้น...ทำไมถึงไม่...”
ฉันไม่กล้าพูดต่อ ฉันกำลังกลัวความรู้สึกของตัวเอง
แต่แล้วแซคก็กลับเป็นคนพูดเรื่องที่ฉันไม่กล้าออกมา
“คู่นี้น่าจะเลิกกันไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ฉันกับเพื่อนทุกคนในแก๊งก็คิดเหมือนเธอนั่นแหละ แต่แคมม์ใจดีแล้วก็ให้อภัยคนง่าย
และถ้ารักใครก็จะรักนาน แคมม์เป็นคนแบบนั้น”
“งั้นเหรอ...”
ฉันรู้แล้วว่าชายที่ฉันเฝ้ามองอยู่อ่อนโยนและเข้มแข็งแค่ไหน
ร่างที่ฉันจับจ้องอยู่เสยผมในความมืดของไดรฟ์เวย์
เงยหน้ามองฟ้าชั่วครู่ก่อนจะก็เดินเข้าบ้านไป
พร้อมกับเสียงของแซคที่พูดต่อด้วยน้ำเสียงของเพื่อนที่รู้จักกันมานาน “ที่สำคัญแคมม์พร้อมจะให้โอกาสทุกคนเสมอถ้าเขากลับใจ”
“นั่นเป็นข้อดีของแคมม์สินะ”
ฉันพึมพำ หัวใจที่บีบแรงจนเจ็บค่อยๆ ผ่อนคลาย
“ฉันเคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมพวกเขาถึงคบกัน
ทั้งที่สองคนนี้ไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกันเลย แต่ความรักก็เป็นแบบนี้ละมั้ง
ที่สำคัญนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ได้
การให้โอกาสคนที่เรารักมันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือไง
ฉันเบื่อที่สุดเวลาอ่านข่าวดาราเลิกกัน แต่งปุ๊บเลิกปั๊บ รักๆ เลิกๆ
แบบนั้นมันทำให้คนเรามีความสุขขึ้นตรงไหนล่ะ”
“ลุ่มลึกมากแซค
น่าจะต้องให้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพกับนาย”
ฉันประชด ทว่าดวงตาของฉันยังจับจ้องไดรฟ์เวย์ว่างเปล่าที่แคมม์จากไปแล้ว “แคมม์เป็นคนแบบนั้นสินะ
ฟังดูเป็นคนที่ใจดีแล้วก็อดทนมาก...อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ”
“ไม่หรอก
นั่นเป็นหัวใจที่เข้มแข็งของแคมม์ต่างหาก
หัวใจที่คิดจะเปลี่ยนคนทำผิดพลาดให้กลับมาเป็นคนเดิมที่ดีได้ แคมม์อาจจะทำให้คามิลล์อาจจะเลิกเหลวไหลได้”
“นายเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
“งั้นสิ
อย่างไรเสียคู่นี้ก็คบกันมานาน” แซคเสยผมสบายๆ ราวกับไม่กังวลสิ่งใด
คล้ายกับเขาแค่กำลังดูหนังรักสักเรื่องเท่านั้น “เพราะฉะนั้นพวกเรามาลุ้นอยู่ห่างๆ
และเอาใจช่วยดีกว่านะ”
“ฉันไม่อยากให้คามิลล์ทำร้ายแคมม์เลยให้ตายสิ
ฉันต้องเอาใจช่วยคู่นี้ให้กลับมารักกันเหมือนเดิมเสียแล้ว” ฉันพึมพำ
“คามิลล์อาจจะแค่กำลังอ่อนแอและสับสนก็ได้...แต่มันจะต้องผ่านไป มันต้องผ่านไปสิ !”
แต่มือของฉันที่เมื่อครู่กำแน่นคลายออกแล้ว
“ฉันจะเอาใจช่วย แคมม์กับคามิลล์จะต้องผ่านเรื่องร้ายๆ นี้ไปได้”
“คิดจากใจเลยงั้นเหรอ”
แซคมองฉันราวกับไม่เชื่อใจ
“อะไร”
“ฉันนึกจะว่าเธอจะดีใจเสียอีก”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเจ้าเล่ห์
“ดีใจอะไร? ”
“ก็...ดีใจที่แคมม์จะกลับมาโสดไง”
ฉันหน้าซีด
แล้วเมื่อแซคหัวเราะฉันก็ร้อนวาบไปทั้งหน้า
“ฮะๆๆๆๆ วิคกี้
เธอนี่เหลือเชื่อจริงๆ เธอชอบแอบมองแคมม์อยู่เรื่อย ฉันรู้นะว่าเธอ...”
‘ชอบแคมม์’ ฉันรู้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น
“อย่าพูดนะ !!”
ฉันปิดปากแซคจนคำพูดของเขากลายเป็นเสียงอู้อี้ แล้วฉันทุบเขาแรงๆ หลายที
“ถ้านายล้อฉันเล่นแบบนี้อีกฉันจะไม่คุยกับนายแล้ว!!”
“โอ๊ย หยุดๆๆ”
“สาบานเลยว่าถ้านายพูดอะไรบ้าๆ
ฉันจะบีบคอนายให้เละแน่!” ฉันทุบเขาตุ้บๆ
เกลียดเข้ากระดูกดำที่เขารู้ทุกอย่าง
ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ
ในเรื่องราวที่น่าเวียนหัวและสลับซับซ้อนของแก๊งเราเท่านั้น
และเรื่องราวทุกอย่างดูจะพันกันยุ่งเหยิงราวกับเส้นผมของเจ้าหญิงราพันเซลจนฉันจะเป็นลม!
เช้าวันรุ่งขึ้นที่วิทยาลัย
“เฮ้ ! เคนตั้น” ฉันร้องทัก
“ไง
สบายดีเหรอวิคกี้”
“นายสัญญาแล้วนะว่าจะให้ฉันเจอแฟนนาย
ฉันจะได้เจอเพื่อนผู้หญิงของฉันคนแรกเมื่อไหร่” ฉันทวงสัญญา
“โอเคๆ ก็ได้“ แล้วริมฝีปากงดงามของเคนตันหยักยิ้ม
“เย็นนี้ก็แล้วกัน มาที่อาร์เธอร์พาร์ค ใส่ชุดวิ่งมาด้วยนะ”
“ชุดวิ่ง?” ฉันเอียงคอ
“ทำไมไม่นัดที่ร้านอาหารหรือร้านกาแฟล่ะ?”
แต่เคนตันเดินไปแล้ว
ทิ้งให้ฉันยืนเกาหัวอยู่ตรงนั้น
เพราะฉะนั้นตอนเย็นฉันก็เลยไปที่อาร์เธอร์พาร์คตามนัด
ฉันตื่นเต้นและเตรยมพร้อมที่จะได้เจอผู้หญิงสวยที่รักกีฬา
“เอ๋...? ” ฉันแปลกใจที่เห็นว่าเคนตันมาคนเดียว
“ไหนล่ะแฟนนาย? ”
“อนาสตาเซียนะเหรอ? ”
“ก็ใช่สิ
ทำไมถามเหมือนไม่รู้จักแฟนตัวเองละเนี่ย”
“นี่ไง”
นิ้วเรียวยาวของเคนตันชี้ไปที่พื้นข้างเท้า
ฉันก้มหน้า มองตามปลายนิ้วชี้ของเขา
“หมา?”
มีหมาไซบีเรียนฮัสกี้ตาสีฟ้ายิ้มให้ฉัน
มันเป็นหมาตัวเดียวกับที่ฉันเห็นเขาวิ่งจูงตั้งแต่วันเปิดเรียนวันแรกที่เรายังไม่รู้จักกัน
“อะ...”
ฉันอ้าปากค้างให้หมาที่กระดิกหาง “อนาสตาเซีย...?”
ฉันทรุดลงกับพื้นข้างหมา
น้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้งใจ
“แฟนของนายช่างน่ารักและมีตาสีฟ้าที่สวยจริงจริ๊ง...”
ฉันโดนหลอกอีกแล้ว!!
“นี่ล่ะสุดที่รักของฉัน”
เคนท์ขยิบตาก่อนจะนั่งลงไปกอดหมา พอดีกับที่มันยื่นหน้ายาวๆ
มาจูบเขาด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง
หล่อมาก...โดยเฉพาะเมื่อเคนท์จูบกับหมา
เชื่อได้เลยว่าผู้หญิงทั้งโลกต้องอิจฉาหมาตัวนี้แทบขาดใจแน่ๆ
แล้วฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าฉันหน้าแดง
ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเขินอะไร
“สัญญาแล้วนะว่าจะช่วยดูแล วิคกี้”
ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อเคนท์หันมาทวงสัญญาจากฉัน รู้ทันทีว่าอาจจะต้องเผชิญกับเรื่องยุ่งยากที่ปากเร็วรีบสัญญาออกไป
“เพราะฉะนั้น...”
เขายิ้มร้าย
และไม่ว่าจะเพราะอะไรฉันก็ไม่กล้าจะคิดเลย
“ฮึๆๆๆ”
“แฮ่กๆๆ”
ทั่กๆๆๆๆๆ
“แฮ่กๆๆๆๆ”
เสียงเมื่อครู่เป็นเสียงหอบหายใจกับเสียงฝีเท้าของฉันเอง
ไม่ใช่เสียงหมา
ฟึ่บ!!
“กรี๊ด! กลับมานะ!!
”
ส่วนเมื่อกี้ก็คือเสียงอนาสตาเซียที่ทะยานตัวออกไปราวกับจรวดจนเชือกจูงหลุดจากมือของฉัน
กว่าฉันจะตามสาวงามตาสีฟ้ากลับมาได้ก็แทบแย่
เรียกได้ว่าวิ่งกันรอบเมืองจนขาลาก และนี่ก็คือผลของการสัญญาว่าจะดูแลแฟนของเคนตัน
คราวนี้ฉันต้องขาเพรียวเรียวสวยแบบไม่ง้อคลินิกแน่!
แต่ฉันชอบงานนี้
การพาอนาสตาเซียวิ่งกลายเป็นงานสุดโปรดของฉันไปแล้ว
ฉันหลงรักอนาสตาเซียตั้งแต่แรกเห็น และฉันไม่ได้รักเธอน้อยไปกว่าที่เคนตันรักเลย
หลังจากนั้นฉันก็มักจะมาวิ่งกับอนาสตาเซียและเคนตัน
แต่ถ้าเขาตื่นไม่ทันหรือกลับบ้านค่ำเพราะต้องซ้อมบาสเก็ตบอลที่วิทยาลัย
ฉันก็จะรับจัดการ “ทั้งหมด” แทน
และที่ฉันพูดว่า “ทั้งหมด”
ก็เพราะเขาไม่ได้มีแต่อนาสตาเซียตัวเดียว
หากแต่สิ่งที่โอบล้อมร่างสูงราวกับสุดยอดนายแบบที่สาวๆ
ทั้งเมืองหลงใหลของเคนตันไว้ก็คือเรื่องรักป่วนของก๊วนสี่ขา
“มากินข้าวได้แล้ว เมี้ยวๆๆๆ”
ฉันร้องพร้อมกับเคาะชามข้าวแมวดังแก๊งๆ แล้วแมวทั้งตัวเล็กตัวใหญ่เป็นสิบๆ
ตัวก็วิ่งกรูกันมาหาฉันเหมือนวิ่งหาแม่
“เมี้ยวๆๆ แง้วๆๆ”
พวกมันร้องอ้อนฉันไม่หยุด ส่งเสียงครางและไถลำตัวไปกับขาของฉันอย่างน่ารัก
ตัวนั้นก็น่ารัก ตัวนี้ก็น่ากอด ทั้งน่าฟัดน่าหยิกน่าจูบจนฉันแทบขาดใจ
กึงๆๆๆ!!
“เฮ้! หยุดทำแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะลิซ! ”
ฉันร้องห้ามแมวอ้วนที่กระโดดใส่หน้าต่างมุ้งลวดไม่หยุด
เพราะนอกหน้าต่างที่เปิดรับสนามหญ้าสีเขียวกว้างเหมือนที่ไดรฟ์กอล์ฟของเคนตันมีเต่าทองน่ารักเกือบร้อยตัวเกาะอยู่
ในแคนาดาเราสามารถเห็นเรื่องเล็กๆ ที่น่าอัศจรรย์แบบนี้ได้
และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของเสียงและสีสันในบ้านของเคนตัน
นอกจากจะมีหมาฮัสกี้สุดสวยเป็นแฟนแล้วเขายังมีแมวในครอบครองอยู่หลายสิบตัวราวกับฮาเร็ม
ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเคนตันเพื่อนของฉันคือคุณชายแห่งตระกูลฮิววิทย์อันมั่งคั่งที่แสนจะหล่อเหลาและใจบุญ
เคนตันเป็นผู้ชายที่รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ
เพราะฉะนั้นเขาคงไม่ใช่ฝ่ายทิ้งคามิลล์อย่างที่แซคบอกแน่ แซคชอบแกล้งฉัน
เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เชื่อแซคแล้ว ทั้งแซคและเคนท์อำเก่งจะตาย!
กลับมาที่เรื่องของเคนตัน ที่คุณชายแมวอย่างเขากับคามิลล์เลิกกันน่าจะเพราะเธอทนความรักหมาแมวจนรุงรังของเขาไม่ได้มากกว่า
ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาให้เวลาสัตว์สี่ขาหน้าขนพวกนี้มากกว่าผู้หญิงสวย
คุณชายเคนตันเห็นสัตว์ถูกทอดทิ้งที่ไหนเป็นต้องเก็บมาเลี้ยงและช่วยหาบ้านใหม่ให้
เขาจะชอบแมวตัวเล็กๆ เป็นพิเศษ ซึ่งบางทีเขาจะเลี้ยงพวกมันนานจนผูกพัน
พอมีคนมาขอเข้าจริงๆ เขากลับไม่ยอมยกให้เสียอย่างนั้น
นี่แหละเคนตันชายหนุ่มผู้เกิดมาในบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ มีพ่อแม่พี่น้องพร้อมหน้า
และทุกคนก็อัธยาศัยดีเยี่ยมสมกับที่เป็นชาวคาเนเดียนผู้มองโลกสดใส
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันชอบมาที่บ้านหลังนี้อย่างไม่รู้เบื่อ
เพราะฉันชอบหมาและแมวไม่น้อยไปกว่าเขา จริงอยู่เขามีแม่บ้าน
แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแมวและหมาเขาจะชอบดูแลเองมากกว่า ไปๆ มาๆ
บ้านของเคนตันก็แทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองของฉันไปแล้ว
ฉันมารู้เรื่องที่เคนตันเลี้ยงแมวเร่รอนไว้หลายสิบตัวก็ตอนที่ฉันคิดจะหาแมวไว้เลี้ยงแก้เหงาสักตัวที่บ้าน
ช่วงนั้นฉันถามเพื่อนว่ารู้จักที่ไหนแจกแมวฟรีบ้างไหม เคนตันตาลุกวาว
แล้วเขาก็กุลีกุจอพาฉันไปดูแมวในฮาเร็มของเขา
แต่ก่อนที่ฉันจะได้แมวจากเขามาก็ไม่ง่าย
เพราะฉันต้องตอบคำถามของเขาเกือบยี่สิบข้อ
แต่ละคำถามที่ละเอียดยิบเหมือนเป็นเครื่องช่วยกรองให้เขาว่าฉันดีพอจะเลี้ยงแมวของเขาหรือเปล่า
เขามาสำรวจบ้านฉันด้วยว่ามีอะไรที่จะทำให้แมวของเขาไม่ชอบไหม
นั่นล่ะเคนตัน
ชายที่ดูเหมือนอ่านง่าย แต่ที่จริงแล้วกลับกลายเป็นหนึ่งในชายปริศนาที่อ่านได้ยากที่สุดคนหนึ่งในแก๊งของเรา
ตุบ! ฉันทิ้งตัวลงบนโซฟาของเคนตันอย่างไร้เรี่ยวแรง
เย็นนี้เป็นวันที่สามที่ฉันอาสาพาอนาสตาเซียไปวิ่ง จริงอยู่ฉันหมดแรงแล้ว
แต่อนาสตาเซียราวกับยังเหลือพลังอีกไม่จำกัด
เพราะทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้านเธอก็ทะยานหายเข้าไปในครัวเพื่อกินอาหารเร็วและแรงราวกับพายุ
วันนี้ที่วิทยาลัยฉันเจอแคมม์
เจอเพื่อนทุกคน
แต่ละคนเอาใจฉันราวกับเจ้าหญิงของแก๊งเหมือนทุกครั้ง แล้วหลังจากนัดเจอกันที่สนามวิทยาลัยและคุยกันจนพอใจฉันก็มาที่บ้านนี้
“ขอบใจมากนะที่พาอนาสตาเซียไปวิ่งให้”
เคนตันที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองเอ่ยขอบคุณฉัน “วิคกี้ใจดีเสมอเลย”
“นาย...เคยเดทกับคามิลล์เหรอ”
ฉันถามทั้งที่ยังนอนคว่ำอยู่บนโซฟา
“อือฮึ”
“นานหรือเปล่า? ”
“ครึ่งปีมั้ง”
“แล้วทำไมเลิกกันล่ะ? ”
“เธอไม่ชอบหมากับแมวน่ะ”
“แค่นั้นเหรอ?” ฉันลุกขึ้นนั่ง “ดูเธอจะยังชอบนายอยู่มากนะเคนตัน
เธอคงไม่ทิ้งนายเพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้หรอก”
“ฉันบอกเลิกเธอก่อนเอง
แต่ก่อนตอนอนาสตาเซียโดดใส่เธอก็จะดุมัน
พอชุดเธอเปื้อนขนหมาขนแมวเธอก็เอาแต่บ่นๆๆ”
“ผู้หญิงหลายคนก็ไม่ชอบสัตว์นะ
ไม่แปลกหรอก” ฉันแก้ตัวแทน มือปัดขนอนาสตาเซียที่ติดตามเสื้อ
“แต่เธอชอบ” เคนท์จ้องมองฉัน
สายตาสีฟ้าที่นิ่งราวกับพิจารณาฉันดูต่างออกไปจากทุกครั้งและทำให้ฉันเกร็ง
เขาไม่เคยมองฉันเนิ่นนานแบบนี้
“เธอว่าฉันบ้าหรือเปล่าที่เลิกกับผู้หญิงเพราะเรื่องหมา”
“ไม่หรอก ก็นายเป็นคนรักสัตว์นี่”
“เธอคิดแบบนั้นเหรอ? ” เคนตันยังจ้องมองฉัน
“ใช่ ทำไมเหรอ”
เขานิ่งไปก่อนจะหยักยิ้ม “ขอบใจนะ”
แล้วเคนตันก็ยังไม่ได้เดินไปไหน
สายตาของเขายังวางทาบอยู่กับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของฉัน ไล่เรื่อยไปตามกรอบหน้า
ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากของฉัน ฉันเกร็งอีกครั้งเมื่อผ่านไปหลายวินาที
“เคนตัน? “
“ถ้าอย่างนั้น...มาช่วยฉันดูแลพวกมันบ่อยๆ
สิ เพราะว่า...” เขาคล้ายจะหลบตา
ทว่าที่แท้หันไปยิ้มอนาสตาเซียที่วิ่งกลับเข้ามาและกระโดดเข้าไปในวงแขนแข็งแรง
“พวกมันชอบเธอ”
เป็นอีกครั้งที่ดวงตาสีฟ้าลากขึ้นมองฉันหลังจากจูบอนาสตาเซียอย่างอ่อนหวาน
‘ชอบ’ คำพูดของเคนตันยังก้องอยู่ในหูของฉัน...สาปฉันให้นิ่งทื่อและเกร็ง
น้ำเสียงที่ราวกับเกร็งตอนท้ายและแววตางดงามขณะที่พูดคำคำนั้น...
ฉันรู้สึกราวกับเขากำลังพูดถึงตัวเอง ไม่ได้พูดถึงหมา
ทว่าฉันอาจคิดไปเองฝ่ายเดียวก็ได้ว่าเคนตันชอบฉัน
ใครก็รู้ว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น ลมหายใจเข้าออกของเขามีแต่แมวกับหมา
อีกอย่างผู้หญิงสวยน่ารักอย่างคามิลล์เขายังทิ้งได้
แล้วผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันเขาจะมาสนใจทำไม
แต่ถ้าเคนตันจะชอบผู้หญิงสักคน
ฉันก็สงสัยอยู่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนแบบไหน ฉันได้แต่เอียงหัวเมื่อเจ้าของดวงตาสีฟ้าที่สดใสทว่าก็ดูลึกล้ำและน่าพิศวงราวดวงตาของฮัสกี้เองหันหลังจากไปเพื่อเตรียมอ่างอาบน้ำอุ่นให้หมาคู่ใจ
และดูอีกทีแววตาสีเดียวกับฮัสกี้ที่ดูเชื่องและสดใสนั้น
บางครั้งก็ดูคล้ายสัตว์ที่ดุร้ายและมีชีวิตในด้านที่เราไม่เห็นอยู่เหมือนกัน
เคนตัน ฮิววิทท์ดูไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันจะอ่านใจได้ง่ายๆ
เลย
ฝากซีรี่ส์ Vampire and I นิยายรักสไตล์ดาร์คโรแมนติกด้วยนะคะ
อ่านสิ แล้วขอให้คุณฝันดี
...จากแวมไพร์...
- D a y d r e a m -
|
|
|
|